ชงสูตรการคำนวณเงินบำนาญ ประกันสังคมใหม่ เข้าบอร์ด 11 ธ.ค.นี้
จ่อชงสูตรการคำนวณเงินบำนาญ ประกันสังคมใหม่ เข้าบอร์ด 11 ธันวาคม 2567 นี้ พร้อมเล็งการขยายความคุ้มครองการประกันการว่างงาน หลังผ่านคณะอนุเรียบร้อย
วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2567) รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ในฐานะคณะกรรมการประกันสังคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม วันที่ 11 ธันวาคม 2567 นี้ ที่ประชุมเตรียมหารือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนใหม่ ทั้งสูตรการคำนวณเงินบำนาญ และการขยายความคุ้มครองการประกันการว่างงาน ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการแล้ว
“ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคมชุดใหญ่ วันนี้ 11 ธันวาคม 2567 นี้ จะพิจารณาสูตรการคำนวณเงินบำนาญ และการขยายความคุ้มครองการประกันการว่างงาน ซึ่งตอนนี้ข้อมูลต่าง ๆ พร้อมแล้ว และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตน” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ระบุ
ทั้งนี้ในเบื้องต้นเกี่ยวกับสูตรการคำนวณเงินบำนาญใหม่ จะใช้สูตรการคำนวณเฉลี่ยทั้งอายุของการประกันตน จะส่งผลดีต่อผู้ประกันตนหลายแสนคน ได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นจากเดิม แม้ว่าจะทำให้สำนักงานประกันสังคมจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นเงินส่วนน้อยประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเงินสมทบรายปีที่มีประมาณปีละ 200,000 ล้านบาท
ดังนั้นหากเริ่มต้นการใช้สูตรการคำนวณเงินบำนาญใหม่ครั้งนี้ เห็นว่า จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกันตนมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยดึงดูดใจให้มีผู้เข้ามาสมัครเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 เพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะการคำนวณเงินบำนาญในช่วงท้ายจะเป็นธรรมมากขึ้น
ส่วนการประชุมคณะกรรมการประกันสังคมวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษารูปแบบการเลือกตั้ง และการแก้ไขปรับปรุงระเบียบ กระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม พ.ศ. 2564
รวมทั้งยังพิจารณาแผนปฏิบัติการด้านดิจิทัลสำนักงานประกันสังคม ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ฉบับทบทวน พ.ศ. 2568 และแผนปฏิบัติการด้านดิจิทัลสำนักงานประกันสังคม ประจำปี 2568 และการเปลี่ยนแปลงอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการพิจารณาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของสำนักงานประกันสังคมด้วย
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีข้อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม เกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณด้านไอที เพราะเมื่อมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วในปีต่อ ๆ ไปจะต้องมีวงเงินลงทุนลดลง และเห็นว่า ถ้าการลงทุนด้านไอทีมีส่วนใดที่รัฐบาลได้จัดหาเงินงบประมาณแล้ว สำนักงานประกันสังคมก็ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนให้เกิดความซ้ำซ้อน เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และมีเงินไปลงทุนหรือพัฒนาสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แทน