รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยโดยคาดว่า จีนอาจใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนรับมือกำแพงภาษีจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งการตั้งอัตราภาษี 60% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนทุกประเภทย่อมกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าลงและดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพราะการเกินดุลการค้าของจีนต่อสหรัฐฯจะลดลงทันทีและการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯต่อจีนจะลดลงเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ผลกระทบจะเกิดขึ้นทันทีหลังการปรับขึ้นภาษีจากอัตราภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สำนักวิจัยของสถาบันการเงินระหว่างประเทศมองไปทิศทางเดียวกันว่า เงินหยวนจะอ่อนค่าลงสู่ค่าเฉลี่ย 7.51-7.60 หยวนต่อดอลลาร์ในปีหน้า โดย Capital Economics มองปลายปีหน้าเงินหยวนอาจอ่อนค่าแตะระดับ 8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐได้
ขณะที่มีความเป็นได้สูงมากที่จีนจะปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่า และหากจีนสามารถป้องกันผลกระทบจากแรงกดดันเงินเฟ้อจากการอ่อนค่าเงินหยวนได้ ทางการจีนอาจปล่อยเงินหยวนอ่อนค่าไปเรื่อย ๆ และอาจเข้าแทรกแซงกดค่าเงินให้อ่อนเพื่อหักล้างผลกระทบต่อภาคส่งออกจากขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ หากเงินหยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 8.42 หยวนต่อดอลลาร์จะช่วยลดผลกระทบจากอัตราภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น 60% ได้
อย่างไรก็ตาม เงินหยวนที่อ่อนตัวอย่างรวดเร็วเกินไปอาจกระตุ้นให้เงินไหลออกและสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงินได้ และมีความเป็นไปได้ต่ำมากที่ ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อพยุงค่าเงินเพราะจะส่งผลลบต่ออัตราการขยายตัวที่ต่ำอยู่แล้ว สงครามการค้าในสมัยรัฐบาลทรัมป์ 1 ทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลงประมาณ 5-6% ในรอบนั้น
อย่างไรก็ดี แม้เงินบาทและค่าเงินภูมิภาคอ่อนค่าแต่จะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อไม่มาก และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีหน้าเฉลี่ยของไทยจะไม่เกิน 1%
โดยปีนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.5% ส่วนสหรัฐอเมริกาเอง การตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯอาจเกิดแรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ผลกระทบนี้จะถูกหักล้างโดยดอลลาร์แข็งค่า