เบื้องลึกครม.เจอเบรก แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ชนตอข้อกฎหมาย

04 ธ.ค. 2567 | 03:12 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ธ.ค. 2567 | 05:29 น.

ผ่าเบื้องลึก รัฐบาลเจอเบรกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 หลังบรรจุเข้าวาระพิจารณาแล้ว เจอท้วงติงข้อกฎหมาย หวั่นเจอปัญหาใหญ่หากตัดสินใจอนุมัติ

ความคืบหน้าการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ใหักับผู้สูงอายุจำนวน 4 ล้านคน ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เจอเบรกกะทันหัน ก่อนผ่านเข้าประตูห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ว่ากระทรวงการคลัง จะเสนอโครงการเข้ามาบรรจุเป็นวาระการพิจารณาที่ 10 

โดยหลังจากการประชุมครม. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงมาแถลงว่า วันนี้ที่ประชุมยังไม่ได้พิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท โดยขอตรวจสอบความรอบคอบอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งมอบหมายกระทรวงการคลังไปดำเนินการ

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยอมรับว่า เงื่อนไขต่าง ๆ จะไม่เปลี่ยน แต่กระทรวงการคลังจะไปดูรายละเอียดตามข้อสั่งการนายกฯ ซึ่งจะไม่กระทบต่อไทม์ไลน์ของโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เช่นเดียวกับ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ยืนยันว่า ต้องกลับไปดูเอกสารให้ครบถ้วน และคาดว่าจะสามารถเสนอให้ครม. พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ก่อนจะลุยแจกเงินได้ทันสิ้นเดือนม.ค.2568 แน่นอน  

กฤษฎีกา ติงข้อกฎหมาย

ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า กรณีของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ครั้งนี้ รัฐบาลได้รับการทักท้วงจากทางเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าต้องไปตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรอบคอบ 

โดยทางกฤษฎีกา ระบุว่า การขอความเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เป็นการจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่กำหนดรายละจำนวน 10,000 บาท โดยมอบหมายกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินโครงการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น 

หากกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว กรณีนี้จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของครม. ที่จะพิจารณาเห็นชอบและมอบหมายกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตามที่เห็นสมควร 

สำหรับกรณีที่กระทรวงการคลังเสนอให้ครม. พิจารณากำหนดให้โครงการดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของกรอบหลักการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ตามมติครม. เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 และนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ และขอความเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรอบการดำเนินโครงการเดิมนั้น 

ทั้งนี้เนื่องจากมติครม. เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการของโครงการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้อง เสนอครม. พิจารณาอีกครั้งหนึ่งนั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณารายละเอียดของโครงการตามมติครม.ดังกล่าว 

โดยที่โครงการนี้มีรายละเอียดบางประการแตกต่างไปจากหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรอบการดำเนินโครงการที่ครม.เห็นชอบเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ดังนั้น จึงเป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีสามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอได้ตามที่เห็นสมควร

ด้วยเหตุนี้ นายกฯ จึงตัดสินใจถอนเรื่องดังกล่าวออกจากวาระการประชุมครม. ทันที และให้กลับไปตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดหลังประชุมครม.ถึงเรื่องนี้ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา เพราะมองว่าแม้จะช้าแต่ก็ดีกว่าต้องมาแก้ไขในภายหลัง และคาดว่าจะเสนอโครงการแจกเงิน 10,000 บาท กลับเข้ามาให้ครม. อีกครั้งภายในสัปดาห์หน้าต่อไป