ธอส.พร้อมปล่อยสินเชื่อ “บ้านเพื่อคนไทย” ผ่อนงวดละ 4,000 บาท

16 ธ.ค. 2567 | 02:45 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ธ.ค. 2567 | 02:50 น.

ธอส.พร้อมปล่อยสินเชื่อ “บ้านเพื่อคนไทย” ช่วยรายได้น้อย เด็กจบใหม่มีที่อยู่อาศัย ดอกเบี้ยต่ำ 3-4% ผ่อนเดือนละ 4,000 บาท นำร่องที่ดินการรถไฟ

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยในปี 2568 จะเดินหน้าสนับสนุนสินเชื่อ โครงการบ้านเพื่อคนไทยของรัฐบาล โดยร่องนำจากการนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีทำเลสะดวก มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์  ให้คนไทยที่มีรายได้น้อย และเด็กจบใหม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พักอาศัยในระยะยาว

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

“ตอนนี้กำลังรอดูรายละเอียดที่แน่ชัด แต่ยืนยันว่า ธอส.มีความพร้อมในการสนับสนุนแหล่งเงินดอกเบี้ยถูก ไม่เกิน 3-4% เพื่อให้คนไทยได้ผ่อนเดือนละ 4,000 บาทตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นคอนเซปท์คล้ายกับโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ บนพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ที่เคยทำไปก่อนหน้านี้ ส่วนระยะเวลาการกู้จะเป็น 30 ปี บวก 30 ปี หรือมากกว่านั้นจะต้องรอดูรายละเอียดต่อไป”

นอกจากนี้ ในปีหน้า ธนาคารได้เพิ่มเป้าหมายปล่อยสินเชื่อสนับสนุนคนไทยมีบ้านให้ได้ 2.4-2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่จะปล่อยกู้ได้ 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งจะมาจากการสนับสนุนสินเชื่อ ได้แก่

  • โครงการบ้านเพื่อคนไทย
  • โครงการสินเชื่อสร้างซ่อมแซม 50,000 ล้านบาท
  • โครงการสินเชื่อผู้ประกันตน เป็นต้น

ขณะที่ผลดำเนินงานในปี 2567 ธนาคารวางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อได้ทั้งหมด 2.3 แสนล้านบาท โดยช่วงเดือนพ.ย.67 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 1.9 แสนล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจ และการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ปัจจุบันนี้ ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อได้รวมกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย

นายกมลภพ กล่าวว่า แม้แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อชะลอลง แต่ธนาคารมีส่วนแบ่งการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นมาก เป็นกว่า 40%  ส่วนปีหน้าคาดว่าจะปล่อยกู้เพิ่มจาก 2.3 แสนล้านบาท เป็น 2.4-2.5 แสนล้านบาท และดูแลหนี้เสียให้ลดลงจากปัจจุบัน 5.5% เหลือ 4-5% ขณะที่กำไรจะไม่สูงเหมือนกับปีนี้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธนาคารมีการเดินหน้าภารกิจช่วยเหลือสังคมเพิ่มขึ้น