นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกรอบการคลังระยะปานกลางช่วงปี 2569-2572 โดยได้กำหนดเป้าหมายทยอยลดระดับการขาดดุลงบประมาณลง อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปช่วยพิจารณาเรื่องเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ตัดลดรายจ่าย และรัฐวิสาหกิจ หรือกองทุนต่างๆ ลดการพึ่งพางบประมาณ เพื่อให้การจัดทำงบประมาณเข้าสู่ระดับสมดุลได้เร็วขึ้น
“หลักสำคัญที่เราจะต้องดำเนินการ คือ เพิ่มการจัดเก็บให้ดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ถ้าเราดันให้จีดีพีโตได้ 3% ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามเป้าหมาย”
ทั้งนี้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการแล้ว เราจะมีการเรียก 3 กรมจัดเก็บภาษีเข้ามาหารือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีนั้น จะปรับกลไกในการจัดเก็บภาษี และจะมีภาษีตัวใหม่ๆ ออกมา อย่างไรก็ตาม จะเป็นลักษณะที่ไม่กระทบประชาชนในวงกว้าง และสร้างรายได้ให้รัฐ โดยไม่เกิดผลกระทบในเชิงลบ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติเรื่องกรอบเป้าหมายการบริหารอัตราเงินเฟ้อประจำปี 2568 ขยายตัวที่ 1-3% อย่างไรก็ดี ที่ประชุมมอบให้ทั้งสองหน่วยงานระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ช่วยประคองเศรษฐกิจให้ขยายตัวและทำให้อัตราเงินเฟ้อให้ขยายตัวในระดับค่ากลางที่ 2%
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังฝากให้ทั้งสองหน่วยงานดูแลเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเกิดการแข่งขันได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.อนุมัติแผนการคลังระยะปานกลาง ปี 2569-2572 โดยวางเป้าหมายลดการขาดดุลงบประมาณ ดังนี้