เศรษฐกิจโลก ปี 2568 ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยหลายอย่างที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ล่าสุดจากข้อมูลของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกในปี 2568 จะขยายตัว 3% เท่ากับปี 2567
สศช. มองว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการขยายตัว (Resiliency) ของเศรษฐกิจในหลายประเทศท่ามกลางการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดในช่วงก่อนหน้า
โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการใช้จ่ายภายในประเทศ เป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้หลายประเทศเศรษฐกิจสำคัญมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจยูโรโซน สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงตามการชะลอตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะชะลอตัวลงแม้ว่าจะมีแรงสนับสนุนจากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์
สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงในหลายประเทศ ส่งผลให้ธนาคารกลางสำคัญมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2568 ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและเงินลงทุนระหว่างประเทศจากการปรับทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก
แม้กระนั้นก็ตาม เศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำ (Downside risks) ที่สำคัญเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณการค้าโลกอย่าง
ขณะที่ตลาดเงินและตลาดทุนยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับความผันผวนท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อและมีความไม่แน่นอนสูงทั้งในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงกดดันต่อระดับราคาพลังงาน
ทั้งนี้ การคาดการณ์ในกรณีฐานยังไม่ได้รวมผลจากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและการค้าของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งรูปแบบและช่วงเวลาของการดำเนินมาตรการ รวมทั้งสมมติฐานที่คาดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคยังอยู่ในวงจำกัดและไม่ได้ยกระดับความรุนแรงมากขึ้นจากในปัจจุบันจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและระบบการเงินโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ภายใต้สมมติฐานในกรณีฐานดังกล่าว สศช. จึงประเมินว่า เศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะขยายตัว 3% เท่ากับปีก่อนหน้า โดยจากนี้ไปยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด