สถานการณ์ค่าเงินบาท รวมไปถึงราคาน้ำมัน นับเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากต่างประเทศ จนกระทบกับค่าเงินบาท และราคาน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาประเมินเกี่ยวกับค่าเงินบาท และราคาน้ำมัน อย่างน่าสนใจ มีเนื้อหา ดังนี้
ค่าเงินบาทเฉลี่ยในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 34.5 - 35.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับเฉลี่ย 35.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 โดยข้อมูลล่าสุด ค่าเงินบาทนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 35.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะยังทรงตัวในระดับปัจจุบันต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2567
ขณะที่ค่าเงินบาทในปี 2568 มีแนวโน้มจะผันผวนสูงเช่นเดียวกับในช่วงปี 2567 เนื่องจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกประเทศโดยเฉพาะทิศทางการด่าเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลาง รวมทั้งปัจจัยภายในประเทศจากการด่าเนินนโยบายเศรษฐกิจของไทย
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2568 ค่าเงินบาท จะแข็งค่าขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งแนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอย่างต่อเนื่อง ตามการเพิ่มขึ้นของรายรับจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลให้ค่าเงินบาทไม่ได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากและมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในบางช่วง ได้แก่ การคาดการณ์การด่าเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปจนท่าให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากที่คาดไว้เดิม
จนส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มแข็งค่า ประกอบกับแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินหยวนภายใต้ทิศทางการชะลอตัวของการลงทุน ภายในประเทศของจีน ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของเงินบาทได้
สศช. มองว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 75.0 - 85.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทรงตัวเท่ากับระดับเฉลี่ย 80.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2567 โดยมีปัจจัยเสี่ยงทางบวกที่ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันในปี 2568 ยังมีโอกาสที่จะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทางลบที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ได้แก่ แนวโน้มการชะลอตัวของอุปสงค์ การใช้น้ำมันโลก ตามทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางการคาดการณ์การยกระดับความรุนแรงของการดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างกัน
รวมทั้งแนวโน้มการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC+ ในปี 2568 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ลดลงในหลายประเทศจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจ ปี 2568 สศช. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัว 2.3 - 3.3% โดยมีค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ 2.8% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 2.6% ในปี 2567 สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่า จะอยู่ในช่วง 0.3 - 1.3% เทียบกับ 0.5% ในปี 2567 และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.6% ของ GDP เทียบกับ 2.5% ในปี 2567