สงครามการค้ารุนแรงครึ่งปีหลัง "IMF" ชี้จีดีพีโลกจะหายไปไม่ต่ำกว่า 7%

06 ม.ค. 2568 | 02:29 น.

สงครามการค้ารุนแรงครึ่งปีหลัง "IMF" ชี้จีดีพีโลกจะหายไปไม่ต่ำกว่า 7% ระบุกรณีแย่สุดมีการตอบโต้กันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในระดับอัตราภาษี 60% จะเกิดการชะลอตัวลงอย่างแรงของเศรษฐกิจและส่งออกของสองประเทศ

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คาดสงครามการค้ารุนแรงครึ่งปีหลัง หากมีการใช้กำแพงภาษีนำเข้าตอบโต้กันในวงกว้าง 

โดยเริ่มจากภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์และจีนตอบโต้ในระดับเดียวกัน ระบบการผลิตห่วงโซ่อุปทานและระบบการค้าโลกจะแยกส่วนออกจากกันมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (INF) วิเคราะห์ว่า จีดีพีโลกเสียหายไม่ต่ำกว่าขนาดจีดีพีประเทศฝรั่งเศสและประเทศเยอรมันรวมกัน หรือจีดีพีโลกจะหายไปไม่ต่ำกว่า 7% การค้าโลกจะซบเซาลง 

และในกรณีที่แย่ที่สุด มีการตอบโต้กันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในระดับอัตราภาษี 60% จะเกิดการชะลอตัวลงอย่างแรงของเศรษฐกิจและภาคส่งออกของทั้งสองประเทศ มีโอกาสที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในระดับเดียวกับวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี ค.ศ. 2008 ได้ 

ส่วนนโยบายลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆของรัฐบาลทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริการขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลบวกต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจโลกโดยรวม แต่ก็ทำให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เพิ่มความเสี่ยงทางการคลังจากการลดภาษี เพิ่มความเสี่ยงฟองสบู่ตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น
 

พลวัตของการผลิตห่วงโซ่อุปทานและระบบการค้าโลกจากสงครามการค้า ทำให้รูปแบบการเคลื่อนย้ายการลงทุนของอุตสาหกรรมผลิตส่งออกของบรรษัทข้ามชาติเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ประเทศที่ได้รับประโยชน์จะต้องมีการวางฐานะทางยุทธศาสตร์เพื่อดึงดูดการลงทุนต่างชาติให้เหมาะสม 

รวมถึงมียุทธศาสตร์เศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศอันสอดรับกับสถานการณ์ใหม่อีกด้วย จึงจะสามารถพลิกวิกฤติจากสงครามการค้าเป็นโอกาสแห่งการรับประโยชน์จากการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตเพื่อส่งออกของบรรษัทข้ามชาติ