จากกรณีที่ ครม.อนุมัติ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 68 สูงสุด 50,000 บาท
วัตถุประสงค์: เพื่อให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2568 ได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุด 50,000 บาท
ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องมี E-TAX INVOICE แบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากร้านค้าที่ไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเป็นค่าซื้อสินค้า หรือ บริการดังต่อไปนี้ และมี E-RECEIPT เป็นหลักฐาน
ผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องดูรายชื่อร้านค้า ออกใบกำกับภาษีได้ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt จำเป็นต้องใช้ประกอบลดหย่อนภาษี 2568
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท และช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวได้ในช่วงร้อยละ 2.3 – 3.3 และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี โดยกรมสรรพากรคาดการณ์ว่ามาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" จะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 1.4 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 10,500 ล้านบาท ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt)" ของกรมสรรพากรเท่านั้น” .
ที่มา: กรมสรรพากร , รัฐบาลไทย