ธุรกิจสายเขียว เคว้ง! รอกฎหมายกัญชาคลอด ตลาดหมื่นล้านสะดุด

นับจากวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ปลดล็อกกัญชา-กัญชง ออกจากบัญชีรายชื่อยาเสพติด ประเภทที่ 5 แต่เส้นทางของกัญ-กัญชงในประเทศไทยยังคลุมเครือ ถึงขอบเขตข้อปฏิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มกัญชาในครัวเรือนและสันทนาการ เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชากัญชง พ.ศ..... มีส่วนสำคัญที่จะทำให้กัญชา กัญชงขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม ยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการนิติบัญญัติ โดยล่าสุดคณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณาแล้วเสร็จ ส่งกลับให้สภาผู้แทนฯเพื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสมัยหน้าในปลายปี 2565

 

สาระสำคัญ พ.ร.บ.

โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... ที่วงการจับตามอง ได้แก่ แยกกฎหมายกัญชา-กัญชง จากวัดปริมาณสาร THC ปลูกกัญชา กัญชงได้ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ต้น โดยต้องจดแจ้งและไม่เสียค่าธรรมเนียม ปลูกกัญชงใช้เส้นใยได้ 5 ไร่ การเพาะปลูก ผลิต สกัด ขาย แปรรูป ทุกกรณีต้องขออนุญาต

 

ห้ามโฆษณาจำหน่ายช่อดอก ยางกัญชา สารสกัด เครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสูบกัญชา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท, ห้ามขายเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ห้ามขายด้วยเครื่องอัตโนมัติ หรือทางออนไลน์

กำหนดพื้นที่ห้ามและควบคุมการสูบกัญชา เช่น วัด , ศาสนสถาน , สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ , สถานที่ราชการ (เว้นสถานที่พักส่วนบุคคล) , สถานศึกษา ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะ ห้ามขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา เป็นต้น

 

ต่างชาติชูไทยต้นแบบ

นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด นักธุรกิจ รุ่นใหม่ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและสกัดสาร CBD จากกัญชง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดกัญชา กัญชงในประเทศไทยถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพ จึงเชื่อว่าสามารถเติบโตได้อีกมาก เพราะถูกพิสูจน์ในเชิงประจักษ์จากต่างประเทศ ทั้งแคนาดา สหรัฐอเมริกาและยุโรป

           

ขณะที่การเดินหน้าของไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับ ทำให้คนไทยขาดความเชื่อมั่น ว่าสามารถใช้กัญชา กัญชงได้หรือไม่ เพราะวันนี้คนไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องของ THC ว่าเป็นสารเสพติด และ CBD ซึ่งเป็นสารสกัดที่สามารถนำไปวิจัย และพัฒนาเพื่อต่อยอดใช้ในการรักษาทางการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้

 

“กัญชา กัญชงเป็นตลาดเกิดใหม่ ยังมีโอกาสอีกมาก ขอเพียงไทยมีกฎหมายที่ชัดเจนในการรองรับการผลิต และหลายประเทศมองไทยเป็นตัวอย่าง นำข้อผิดพลาดของไทยไปศึกษาและปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ต่อ นั่นเพราะเห็นว่า กัญชา กัญชง เป็นพืชที่มีประโยชน์ นำไปพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มได้

ทั้งนี้ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง หลังจากที่มีกฎหมายที่ชัดเจน ว่าข้อปฏิบัติ ข้อห้าม ข้อจำกัดมีอะไรบ้าง เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้และเชื่อมั่น ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะมีความชัดเจนมากกว่านี้ และส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็น 1 หมื่นล้านบาทในปีหน้า จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดกัญชงราว 7,200 ล้านบาท”

 

3 ปีกัญชงไทยแตะ 5 หมื่นล้าน

นายพรประสิทธิ์ สีบุญเรือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยเปิดเสรีกัญชา ได้แก่ กัญชาทางการแพทย์,กัญชง เพื่อการพาณิชย์ และกัญชาในครัวเรือนและสันทนาการ ซึ่ง 2 กลุ่มแรกมีข้อกำหนดที่ชัดเจน และสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนได้ ขณะที่กัญชาในครัวเรือนและสันทนาการ เกิดขึ้นจากช่องโหว่ของกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งรัฐต้องออกมากำกับดูแลและสร้างความชัดเจน

            

“วันนี้เด็กวัยรุ่นไม่สนใจเรื่องของกัญชาทางการแพทย์ หรือกัญชงเพื่อการพาณิชย์ สนใจแต่จะเปิดร้านขายกัญชา เพราะเขาเห็นช่องโหว่ของกฎหมาย ซึ่งจะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะกฎหมายมีช่องโหว่จริง ๆ เพราะฉะนั้นวันนี้จึงมีร้านขายกัญชาเกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งในย่านถนนข้าวสาร ทองหล่อ อโศก รวมถึงสยาม”

 

อย่างไรก็ดี หากมี พ.ร.บ. กัญชา กัญชงฯ ที่ชัดเจน จะมีข้อปฏิบัติเพื่อให้ผู้ประกอบการเดินหน้าได้ ซึ่งหลังจากพ.ร.บ. มีผลบังคับใช้แล้ว เชื่อว่ายังต้องมีกฎหมายลูกออกมาอีก เพื่อให้การบริหารจัดการเดินหน้าได้ เพราะนับจากนี้ตลาดกัญชา กัญชงจะขยายตัวสูงขึ้น จากดีมานด์ทั่วโลกที่จะเข้ามา โดยคาดว่าในปี 2568 ตลาดกัญชงไทยจะเป็นตลาดส่งออกใหญ่ และสร้างมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศสนใจเข้ามาศึกษาและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย เกาหลี รวมถึงญี่ปุ่น

กัญชา กัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสูง แต่มีข้อจำกัดเรื่องของการปลูกที่ต้องมีมาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเป้าหมายหลักไปที่การเป็นกัญชาทางการแพทย์ และกัญชงเพื่อการพาณิชย์ ไม่ใช่เพื่อสันทนาการ โดยวันนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่สนใจเข้ามาลงทุน ทั้งการนำ CBD จากช่อดอกไปใช้ทำอาหารเสริม เครื่องสำอาง อาหารต่าง ๆ รวมไปถึงการนำผลกัญชงไปทำเป็นน้ำมันสกัด และอาหารสัตว์ เป็นต้น

           

“3-5 ปีนี้เป็นโอกาสของตลาดกัญชา กัญชง ด้วยคุณสมบัติของพืชทั้งสองชนิด สามารถนำไปพัฒนาและใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ทำให้มูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งวันนี้มีโรงพยาบาลเอกชนกว่า 300 แห่ง คลินิกเวชกรรมต่างสนใจที่จะนำกัญชา กัญชงไปใช้ในการรักษาและดูแลผู้ป่วย รวมถึงการนำไปพัฒนาเป็นสินค้าคอนซูเมอร์ ซึ่งหากมีข้อกฎหมายที่ชัดเจน จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าลงทุนและทำตลาดได้อย่างเต็มที่”

 

ปลดล็อกแจ้งเกิดอาหารกัญชา

ขณะที่นางสาวเนตรนภา สิงห์สถิตย์ กรรมการบริหาร บริษัท รักษ์กัญ 420 จำกัด และหุ้นส่วนร้าน RG 420 canabis store กล่าวว่า หลังจากกฎหมายปลดล็อคกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เห็นว่าเกษตรกร วิสาหกิจมีวัตถุดิบ แต่ไม่รู้จะขายให้ใคร จึงเปิดร้านสาขาแรกที่ถนนข้าวสาร โดยเปิดมา 16 วัน ช่วยทำให้ถนนข้าวสารคึกคักมากขึ้น และทำให้การสูบผิดกฎหมายที่อยู่ในบริเวณถนนข้าวสารลดลงไป

 

เพราะว่าเราวางมาตรฐาน ทำให้แผงลอยต่าง ๆ ไม่กล้าเปิด เพราะตอนนี้กฎหมายก็ยังคลุมเครืออยู่ และในเดือนหน้าเราจะขยายสาขาในจังหวัดภูเก็ต 2 สาขาและพัทยา 1 สาขา โดยการขยายสาขาจะเปิดรับนักลงทุนและผู้ประกอบการที่อยากทำร้านกัญชาให้เข้ามาลงทุน

           

“เราก็มีระบบควบคุม และให้บริการอย่างชัดเจน และทำตามกฎกระทรวงอย่างเคร่งครัด เราเชื่อว่าถ้าเราสามารถนำกัญชาเราอยู่ในการท่องเที่ยวได้ตลาดมันจะเดินหน้าไปได้ แต่การที่พรบ.ไม่ชัดเจนก็มีผลกระทบเชิงธุรกิจของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกัญชา เช่นในธุรกิจอาหารถ้าไม่อนุญาตให้โฆษณาเราไม่เกิด วันนี้เราอยากให้ภาครัฐสนับสนุนอาหารไทยใส่กัญชา โดยที่นำเน้นย้ำว่าห้ามใส่ช่อดอก ซึ่งจะทำให้ส่วนของกิ่ง ก้าน ราก ใบมีมูลค่าเพราะสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้และใช้แทนผงชูรสได้”

           

นอกจากนี้ความไม่แน่นอนของข้อกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการไม่มั่นใจในการทำธุรกิจ และทำให้ตลาดเกิดช้าลง ถ้าพรบ. อย่างไรก็ดี ปัจจุบันร้าน RG420 canabis store มีผู้เข้าใช้บริการ 100-200 คนในวันธรรมดา และ 300-400 คนในวันหยุด สร้างรายได้ 3 หมื่น – 1 แสนบาทต่อวัน