นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ ผู้บริหารฟาร์มเกษตรอินทรีย์เพชรล้านนา และ ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน RG420 cannabis store ข้าวสาร เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า แม้ว่าปัจุบันกระแสสังคมจะต่อต้านกัญชา กัญชง น้อยลงกว่าเดิมแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องมีการควบคุมการใช้หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะการควบคุมการขายยังจำเป็นมากเพราะยังมีกลุ่มเปราะบางเช่นเด็ก สตรีมีครรภ์ และกลุ่มจิตเวช ที่ไม่ควรจะได้รับการอนุยาติให้เข้าถึงกัญชา
แต่ปัญหาใหญ่ที่ผู้ประกอบธุรกิจกัญชากำลังเผชิญไม่ใช่กะแสต่อต้านแต่เป็นการแอบลักลอบนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศที่มีการเปิดเสรีมานานซึ่งราคาถูกกว่ามาก เพราะมีทั้งองค์ความรู้ มีวอลลุ่มในการปลูกจำนวนมาก เข้ามาขายในประเทศไทย ทำให้เกษตรกรรายย่อยประสบปัญหาไม่สามารถขายผลผลิตได้เพราะมีทางเลือกอื่นที่ถูกกว่า
“เราต้องยอมรับว่าเกษตรกรไทยพึ่งจะได้มีความรู้จากการปลูกกัญชาประมาณ 1 ปี ซึ่งจะคาดหวังว่ากัญชาในคอปแรกจะมีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศนั้นเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เรียนรู้ ได้พัฒนา เราเชื่อว่าเกษตรกรไทยเก่งแต่ต้องให้โอกาสและเวลาในการพัฒนาไม่ใช่เปิดช่องให้พ่อค้าที่เห็นแก่ตัวอยากได้กำไรเยอะๆ และไปนำเข้ากัญชาราคาถูกมาถล่มตลาดเมืองไทยเพราะสุดท้ายกัญชาไทยจะไม่มีทางเดิน
กฎหมายต้องห้ามนำเข้าอยู่แล้ว ดังนั้นการลักลอบนำเข้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นเรื่องที่ทำร้ายเกษตรกรโดยตรง ควรที่จะสงวนไว้ให้กับเกษตรกรในประเทศตัวเองเท่านั้น เหมือนที่เกษตรกรไทยไม่มีทางได้ส่งช่อดอกไปประเทศที่เปิดเสรีกัญชาได้เพราะเขาต้องการปกป้องอุตสาหกรรมนี้ให้กับเกษตรกรของเขา”
นอกจากนี้คาดว่าในช่วงสิ้นปี 2565 นี้จะเป็นช่วงที่ผลผลิตกัญชาออกมาจำนวนมาก สิ่งที่ภาครัฐจะต้องตระหนักคือหากมีผลผลิตกัญชาออกมาจำนวนมากเกษตรกรจะนำไปขายที่ไหนและจะหารายได้ได้อย่างไรดังนั้นทุกภาคส่วนจะต้องออกมาช่วยกันปั้นอุตสาหกรรมปลายน้ำออกมาให้ได้ให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาเรื่อง “กัญชาล้นตลาด” แน่นอน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาขายในอนาคต เพราะประเทศไทยเป็นประเทศทุนนิยมเสรีไม่มีการกำหนดราคากลาง และยังไม่มีระบบการซื้อขายที่ชัดเจน สิ่งที่ภาครัฐควรจะต้องทำคือจะต้องเป็นคนกลางในการระบุให้ได้ว่ามีการซื้อจากที่ไหนและขายไปที่ไหน เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้เสพผู้ในการติดตามย้อนกลับ และเป็นการสร้างความยุติธรรม เพราะผู้ปลูกที่ขออนุญาตมาแล้วควรจะได้ผลประโยชน์ก่อนคนที่ยังไม่ได้ขออนุญาต
“คนที่ขออนุยาติปลูกก่อนควรจะได้ขายก่อน ไม่ใช่คนที่แอบปลูกมาก่อนหรือกลุ่มใต้ดินสามารถขายได้อย่างเสรี ไม่อย่างนั้นคนที่ลงทุนไปก่อนหรือคนที่พยายามทำถูกต้องทุกอย่าง จะคืนทุนได้อย่างไร ในต่างประเทศคนที่จะเปิดร้านกัญชาได้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลูกผ่านวิสาหกิจชุมชนหรือปลูกกับผู้ที่ได้รับอนุญาตการปลูกอย่างถูกกฎหมาย นี่คือสิ่งที่ควรเป็นในอนาคต
รัฐต้องปกป้องผู้ปลูกหรือเกษตรกรไทยซึ่งมีโอกาสไม่กี่ครั้งที่จะได้ลืมตาอ้าปากหรือหารายได้ได้ ถ้ารัฐจะกันเวลาเป็นช่วง learning curve ก็ควรจะเป็น 5 - 10 ปี ไม่ใช่เปิดตลาดปุ๊บสามารถนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศเข้ามาถล่มตลาดแล้วเกษตรกรไทยจะอยู่อย่างไร”