นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า MUJI เปิดสาขาใหม่ ที่ ดิ เอ็มควอเทียร์ เป็นสาขาที่ 26 ขนาดพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดใหญ่รองจากสาขาที่สามย่าน มิดทาวน์ โดยมีแผนที่จะขยายสาขาขนาด 1,500 ตารางเมตรอีก 5 สาขา ภายในปีธุรกิจหน้า เตรียมขยายอีก 8-10 สาขา ในปีถัดไป ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด
การเดินหน้าขยายสาขา MUJI ทำงานควบคู่แผนการตลาดแบบ Localization พร้อมทั้งพยายามเพิ่มสินค้าในกลุ่มกรีนโปรดักส์ ที่มีทั้ง Normal Shop ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ใช้เป็นประจำทุกวันอย่าง สบู่ แชมพู น้ำยาทำความสะอาด ที่ผลิตด้วยแนวคิด Zero Waste เติมเต็มวิถีชีวิตแบบกรีนลีฟวิ่ง (Green Living) และสะท้อนการเป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ MUJI
นายอกิฮิโร่ กล่าวว่า MUJI ในไทย มีเป้าหมายด้านความยั่งยืนเช่นเดียวกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่กระบวนการผลิต กระบวนการนำวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพยายามลดขยะให้มากที่สุด รวมทั้งพยายามลดการใช้พลาสติกในร้อน ตังแต่บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงถุงใส่สินค้า โดยมีแผนที่จะขยายส่วนของ Normal Shop เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้มีเฉพาะที่สาขาชิดลม และดิ เอ็มควอเเทียร์
การออกแบบร้าน MUJI The EmQuartier ได้แรงบันดาลใจจากแนวคิด ‘ความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ’ ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านให้รู้สึกอบอุ่น สบายตา มินิมัล ด้วยโทนสี และการจัดวางสินค้าที่เป็นสไตล์ MUJI ผสานเข้ากับความเป็นท้องถิ่น ตามแนวคิด Localization โดยใช้ไม้เก่าที่คัดสรรจากพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศไทยมาเป็นวัสดุในการตกแต่งร้าน
ในช้อปนอกจากจะมีสินค้ากว่า 3,000 รายการ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายและหญิง ยังมีโซนซิกเนเจอร์ MUJI Coffee Corner มุมกาแฟ ที่ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมกับตกแต่งฝาผนังด้วยสินค้า MUJI ดีไซน์แปลกใหม่ มี Light Meal & Bakery อาหารรองท้องและเบเกอรี่ พร้อมเปิดตัวเมนูพิเศษจากหลากหลายผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มรสชาติความแปลกใหม่ และของหวานเมนูพิเศษที่จะวางจำหน่ายเฉพาะสาขานี้ โซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน และ Interior Consultation Service โซน MUJI Green ต้นไม้กระถาง ไม้ประดับรวมถึง โซน MUJI Yourself ออกแบบลวดลายบนสินค้ากระดาษ โซน Embroidery บริการปักผ้าบนสินค้าของ MUJI
ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศนิยมบริโภคสินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ที่คนทั่วโลกนิยมเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้มีกำลังซื้อจากทั้งในและต่างประเทศ จากการที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังเปิดประเทศเต็มตัว
ทั้งนี้ MUJI The EmQuartier สาขาที่ 26 เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเปิดสาขาขนาดใหญ่ (Big size) เพื่อรองรับดีมานด์ของสินค้าและบริการแบบฉบับญี่ปุ่นของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน หลังจากเปิดสาขาแรกที่ สามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งเป็นต้นแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ ที่มีสินค้าและบริการครบครัน รวมถึงร้านกาแฟสาขาแรก เมื่อ พ.ศ. 2562 และใน พ.ศ. 2564 ได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา รวมทั้งปรับโฉมสาขาเดิมให้มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นอีก 2 สาขา โดยการต่อยอดโมเดลร้านขนาดใหญ่ มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและมากกว่าให้ผู้บริโภค
จากการดำเนินกลยุทธ์ขยายสาขาในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ MUJI มียอดขายที่เติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเด่นของสินค้า MUJI ที่ผลิตอย่างพิถีพิถัน มีเรื่องราวที่มาและเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบ จึงสามารถตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันลูกค้าของ MUJI จะมีสัดส่วนของผู้หญิงมากที่สุดกว่า 60% เรียงลำดับกลุ่มอายุตามลำดับ คือ 1. อายุ 25-34 ปี 2. อายุ 35-44 ปี และ 3. อายุ 45-54 ปี ทั้งนี้ MUJI มีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มนักศึกษาอายุระหว่าง 18-24 ปี จนถึง First Jobber (เฟิร์ส จ๊อปเบอร์) และวัยทำงานอายุระหว่าง 25-34 ปี ตลอดจนกลุ่มวัยกลางคน รวมถึง MUJI กำลังทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายให้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ MUJI ได้ใช้กลยุทธ์ปรับราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และยังเดินหน้ากลยุทธ์ Mass Marketing สร้างการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการเลือกใช้ KOL และ Influencer ชื่อดัง รวมถึง Micro Influencer และ YouTuber ในกลุ่มที่รักในแบรนด์สินค้า MUJI เพื่อสร้างการรับรู้ให้ขยายในวงกว้าง
ผสานกับแนวคิดการตลาด Localization ที่มีการออกแบบสินค้าเฉพาะภูมิภาคและท้องที่ เช่น เสื้อผ้าคอลเลคชันใหม่ที่มีการปรับดีไซน์ให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้ดูเป็นทางการมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การสวมใส่เสื้อผ้าของคนไทยที่นิยมใส่ได้หลายโอกาส ทั้งใส่ทำงานและสามารถออกไปแฮงเอาท์ได้ ซึ่ง MUJI ได้เลือกใช้นางแบบนายแบบคนไทยในการทำ Lookbook คอลเลคชันล่าสุด รวมถึงการผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้น ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการขยายสู่ Online Platform ส่งผลให้ MUJI เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครบถ้วน ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเขียน และ Coffee Corner อาหารเครื่องดื่ม