หลังจากสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดกาแฟกระป๋องจนทำให้ชื่อ “D7” (ดี เซเว่น) เป็นที่คุ้นหูคุ้นตากับภาพจำ “กาแฟ D7” มาแล้วในปีนี้ “ไทยแอทลาสโกลบอล ฟูด” ขยายไลน์เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ D7 โดยพอร์ตสินค้าใหม่ล่าสุดคือ “ ชาพร้อมดื่ม” ที่นับว่ามีมูลค่าการตลาดที่น่าสนใจพอๆกับการแข่งขันที่สูงลิ่ว โดยในปีที่ผ่านมาตลาดชาพร้อมดื่มมีมูลค่า 11,214 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีมูลค่า 10,786 ล้านบาท และมีการเติบโตเชิงปริมาณจาก 268.2 ล้านลิตรในปี 2563 เพิ่มเป็น 284.5 ล้านลิตรในปี 2564
ทั้งนี้ D7 ประเดิมพอร์ตชาพร้อมดื่มด้วยผลิตภัณฑ์ตัวแรก “D7 คอมบูชะ” ชาหมักผสมไฟเบอร์ โดยจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพและตอบรับกระแสความนิยมการดื่มชาหมักที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในยุโรป อเมริกา และเกาหลี
นายจักรกฤช สุขวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยแอทลาสโกลบอล ฟูด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟพร้อมดื่มสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ D7 (ดีเซเว่น) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ D7 ทั้งการพัฒนาไลน์สินค้าเดิมและการพัฒนาสินค้าใหม่ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเครื่องดื่มใหม่ที่ออกสู่ตลาดรับไตรมาสสุดท้าย คือ D7 คอมบูชะ 2 รสชาติคือ รสออริจินัล บรรจุในกระป๋องสีเขียว และ รสผสมนมเปรี้ยว บรรจุในกระป๋องสีฟ้า ที่จะเข้ามาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ
โดยจะวางจำหน่ายทั้งร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต ทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ชั้นนำในราคาปลีกกระป๋องละ 30 บาท ซึ่งเป็นราคาขายต่อหน่วยที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ หากเทียบกับเครื่องดื่มในกลุ่มคอมบูชะนำเข้าที่มีราคาเฉลี่ยประมาณ 80 บาทขึ้นไป หรือแบรนด์อื่นในตลาดที่ผลิตโดยกลุ่ม SMEs รายย่อย ก็จำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 80 บาทขึ้นไปเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การแข่งขันในตลาดชาพร้อมดื่มนั้น นายจักรกฤช เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทได้เปิดตัวเครื่องดื่ม “D7 คอมบูชะ” เข้าสู่ตลาด ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยใช้ “โบ เมลดา” นักแสดงและนางแบบชาวไทย ซึ่งเป็นตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ จับกลุ่มไฮเอนด์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ มีผลตอบรับดีที่ดีมาก
และในช่วงส่งท้ายปีซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้าย บริษัทจะเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ “มาย-อาโป” ที่กำลังได้รับความนิยม และเป็นกระแสในเรื่องของความเท่าเทียมของกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้งบกว่า 100 ล้านบาทสำหรับทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งปีนี้ภาพยนตร์โฆษณา ออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงอัดโปรโมชั่นผ่านแคมเปญ “D7 รวยแหลกแจกทะลุล้าน”
และคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสและเป็นแรงผลักดันให้สินค้าได้ผงาดในตลาดเครื่องดื่มจนขึ้นแท่นเจ้าตลาดเครื่องดื่มสุขภาพของไทยและสามารถโกยยอดขายส่งท้ายปี 2565 ของบริษัทรวม 200 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน