รายงานจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ระบุว่า บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2565 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 มีมติตามข้อเสนอของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
อนุมัติแต่งตั้ง นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ เป็นกรรมการบริษัท แทนนายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ โดยให้มีผล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้รายชื่อคณะกรรมการบริษัท ณ วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป มีรายละเอียดดังนี้
1.นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ
2.นายวีรวัฒน์ ชุติเชษฐพงศ์ ประธานกรรมการอิสระ ประธานกรรมการนโยบายความเสี่ยง
3.นายวินิจ ศิลามงคล กรรมการอิสระ ประธานกรรมการตรวจสอบและธรรมาภิบาล
4.นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการอิสระ ประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน กรรมการตรวจสอบและธรรมาภิบาล
5.นางสาวพรรณสิรีอมาตยกุล กรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบและธรรมาภิบาล กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
6.นางนิตย์สินี จิราธิวัฒน์ กรรมการ
7.นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการ กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน กรรมการนโยบายความเสี่ยง
8.นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการ กรรมการนโยบายความเสี่ยง ที่ปรึกษาคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
9.นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการกรรมการนโยบายความเสี่ยง
10.นายสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ กรรมการ
11.นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ กรรมการ
12.นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการ กรรมการนโยบายความเสี่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ล่าสุดบมจ. เซ็นทรัลพัฒนา ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2565 พบว่ามีรายได้รวม 9,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน กำไรสุทธิ 2,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,154% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน
โดยทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้ว และยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน