NSL FOODS ส่ง “ข้าวแท่ง” ชิงแชร์ตลาด Ready to Eat 3หมื่นล้าน

12 ธ.ค. 2565 | 06:18 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ธ.ค. 2565 | 14:03 น.

NSL FOODS ขยายพอร์ต “อาหารรองท้อง” เปิดตัวข้าวแท่ง เจาะตลาดเรดดี้ทูอีท (Ready to Eat) มูลค่าตลาด 30,000 ล้านบาทเตรียมรุกกลุ่มคนรุ่นใหม่-พนักงานออฟฟิศ เตรียมขยายตลาดผ่านแฟรนไชส์และส่งออกในปีหน้า

หลังจากเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง "อาหารพร้อมทาน" ในร้านสดวกซื้อ "เซเว่น อีเลฟเว่น" มานานพร้อมๆกับการส่งโพรดักซ์อาหารรองท้องกลุ่มเบเกอรี่และของหวานเข้าเชลฟ์เซเว่น อีเลฟเว่นมาหลายปี ล่าสุด NSL Foods พร้อมที่จะเติบโตในเส้นทางใหม่ที่เป็นผึกความแข็งแกร่งในเรื่องอาหารคาวและอาหารรองท้อง ภายใต้ผลิตภัณฑ์ใหม่ “ข้าวแท่ง” หรือข้าวมือถือ เจาะตลาดเรดดี้ทูอีท (Ready to Eat) 

นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) 

นายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  NSL Foods เริ่มต้นจากการทำธุรกิจเบเกอรี่มาก่อนจนสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเบเกอรี่ที่มีความแข็งแกร่งแล้วNSL Foodsยังมีเป้าหมายที่จะเข้าสู่ Food Service อื่นๆ รวมทั้งเข้าสู่ตลาดอาหารพร้อมทานโดยมี product ตัวแรกเป็นนวัตกรรม “ข้าวแท่ง”  ซึ่งเป็นอาหารพร้อมทานเวอร์ชั่นใหม่ 

โดยใช้เทคโนโลยีขึ้นรูปข้าวสวยให้เป็นแบบแท่ง มีไส้อยู่ตรงกลาง สามารถถือรับประทานได้ในมือเดียว เพื่อความสะดวกในช่วงเวลาที่เร่งรีบ โดยมีทั้งเมนูคาวหวานที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ รวม 18 เมนู ซึ่งกลุ่มอาหารคาวจะเน้นอาหารสตรีทฟู้ดที่คนไทยคุ้นเคย อาทิ ข้าวกะเพราไก่คลุก, ข้าวผัดหมู, ข้าวไก่กระเทียม, ข้าวเหนียวหมูย่าง, ข้าวเหนียวลาบหมู ขณะที่อาหารหวานเน้นขนมหวานสไตล์ไทยฟิวชั่น อาทิ ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน, ข้าวเหนียวสังขยาน้ำตาลอ้อย, ข้าวเหนียวเผือกแปะก๊วยและข้าวเหนียวซุปครีมข้าวโพด 

NSL FOODS ส่ง “ข้าวแท่ง” ชิงแชร์ตลาด Ready to Eat 3หมื่นล้าน

ทั้งนี้บริษัทได้เปิด Flagship store แห่งแรกภายใต้ชื่อ Rice Bar by NSL สยามสแควร์วัน เพื่อสร้างการรับรู้และแนะนำสินค้าสู่ตลาด รวมทั้ง Food Truck 1 คันซึ่งตะเวนไปในโลเคชั่น Office buildings  เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และพนักงานออฟฟิศให้ได้มากที่สุด

 

ซึ่งในอนาคตสำหรับการขยายธุรกิจในประเทศบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายในระบบแฟรนไชส์และขยายด้วยตัวเอง โดยตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาเพิ่มเติมในโลเคชั่น Office building  สถานีขนส่งเช่น BTS อารีย์,หมอชิต รวมไปถึงตู้ vending Machine จำนวน 50 ตู้โดยในเฟสแรกจะเริ่มจาก 10 ตู้เพื่อเจาะกลุ่มคนเดินทางพนักงานออฟฟิศและมหาวิทยาลัย 

 

“เรามีเบเกอรี่เป็นอาหารรองท้อง เป็นสินค้าที่สร้างชื่อให้กับบริษัท ซึ่งเราอยากจะขยายพอร์ตของอาหารรองท้องที่ไม่ใช่เบเกอรี่ แต่ใช้ข้าวแทนซึ่งเราไม่ได้เจาะจงเฉพาะตลาดในประเทศที่คาดว่าจะขยายในรูปแบบของแฟรนไชส์ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการของการเซ็ตระบบเท่านั้นแต่เรายังต้องการให้เป็น Soft Power ในการส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้เรามองไปที่ตลาดเอเชียและยุโรปซึ่งให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นอย่างมาก

 

หลังจากนี้เราจะมีการพัฒนาสินค้าโดยใช้ข้าวสายพันธุ์ต่างๆเพิ่มเข้ามารวมทั้งเมนูอื่นๆสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อสร้างความหลากหลายทุกไตรมาสอย่างน้อย 2 เมนู นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายเข้าสู่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นโดยจะต้องปรับปรุงสินค้าให้สามารถปิ้งในเตาอบได้และให้แมชกับอุปกรณ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมีอยู่แล้ว”

NSL FOODS ส่ง “ข้าวแท่ง” ชิงแชร์ตลาด Ready to Eat 3หมื่นล้าน

อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีแรก 2566 สำหรับผลิตภัณฑ์ “ข้าวแท่ง” ราวๆ 50 ถึง 60 ล้านบาทขณะที่ภาพรวมบริษัทสามารถทำรายได้9 เดือนแรกของปี 2565 กว่า 3,200 ล้านบาท จาก รายได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) กลุ่มแซนวิช เอแคลร์ ภายใต้แบรนด์อีซี่เทสต์ อีซี่สวีท และเซเว่น เฟรช ให้แก่เซเว่น อีเลฟเว่น  เป็น 85%  รายได้จากการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง ในกลุ่มเบเกอรี่และขนมขบเคี้ยว ได้แก่ บัตเตอร์ฟิน ชิลี เนเชอรัล ไบท์ และปังไท คิดเป็น 15%

 

ในอนาคตบริษัทต้องการปรับลดสัดส่วนรานได้จากธุรกิจ OEM ให้แก่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นให้เหลือเพียง 70% และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าในแบรนด์ของตนเอง 30% และสำหรับปี 2565 วางเป้าการทำรายได้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564ที่มีรายได้ 3,000 ล้านบาท

 

นอกเหนือจากอาหาร ready to eat แล้วบริษัทยังมีแผนที่จะขยายสินค้าในกลุ่มของ อาหารพร้อมทานในอุณหภูมิปกติซึ่งจะเน้นตลาดส่งออกไปยังจีนยุโรปและอเมริกาเป็นหลัก รวมไปถึงอาหาร กลุ่มอาหารแช่แข็ง เพื่อส่งเข้าโลตัสเป็นต้น

NSL FOODS ส่ง “ข้าวแท่ง” ชิงแชร์ตลาด Ready to Eat 3หมื่นล้าน