การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของเทรนด์รักสุขภาพ ส่งผลให้ตลาด Plant-Based เติบโตตามไปด้วยรวมทั้งเซกเมนต์ของ Plant-Based Milk หรือนมโปรตีนทางเลือกจากพืช ซึ่งจากเดิมมีเพียง "นมถั่วเหลือง" เป็นโพรดักซ์เจ้าตลาด แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลจาก สถาบันอาหาร หรือ NFI เปิดเผยว่าตลาดนมถั่วเหลืองในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว
โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดนมถั่วเหลืองหดตัว -1.4% ต่อปี สวนทางกลับตลาดผลิตภัณฑ์นมจากพืชอื่น ๆ (Other Plant-Based Milk) ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง18.5% ต่อปี จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบที่นำมาผลิตนมจากพืชนอกจากถั่วเหลือง
ทั้งนี้ตลาดผลิตภัณฑ์นมจากพืชปี 2565 มีมูลค่า 17,960 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 6.6% จากปัจจัยสนับสนุนทั้งเทรนด์รักสุขภาพ กระแสด้านสิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ที่ผลักดันให้ความนิยมบริโภคเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยนมถั่วเหลืองยังครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุด93.4% รองลงมาได้แก่ นมอัลมอนด์ น้ำนมข้าว นมข้าวโอ๊ต และกะทิ
อย่างไรก็ตามในปี 2566 นี้ความร้อนแรงของ ตลาดนมถั่วเหลือง อาจกลับมาอีกครั้งหลังจากผู้เล่นหลักเบอร์ 1 ในตลาดครองส่วนแบ่งการตลาด56% อย่าง "แลคตาซอย "กลับมาอัดแคมเปญการตลาดอีกครั้งหลังหยุดไปนาน โดยดึง“เปเปอร์ เพลนส์” Paper planes มานั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์พร้อมทำเพลงประกอบหนังโฆษณา “แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร” จับตลาดวัยรุ่นฟันน้ำนมและกับการขยายตลาดต่างประเทศโดยมีเป้าหมายทำยอดขายเติบโตอยู่ 5-8%
ล่าสุดเบอร์รองของตลาดอย่าง “ไวตามิ้ลค์” กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยออกโพรดักซ์สูตรใหม่ ‘ไวตามิ้ลค์ไลท์ น้ำตาลน้อยลง 50%’ แต่ให้รสชาติอร่อยเข้มเหมือนสูตรออรินัล จับเทรนด์ผู้บริโภคสายรักสุขภาพ พร้อมกับกิกรรมทางการตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม
นายอนันต์ ธีรวิชญกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ไวตามิ้ลค์ได้เปิดตัว “ไวตามิ้ลค์ไลท์ น้ำตาลน้อยลง 50%” เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคสายรักสุขภาพ ที่ต้องการลดหรือจำกัดน้ำตาล แต่ยังต้องการรสชาติเดิมของไวตามิ้ลค์สูตรออริจินัลไว้ ซึ่ง “ไวตามิ้ลค์ไลท์” จะเป็นProduct Mainstream ของแบรนด์ในปีนี้ พร้อมกับกลยุทธ์การตลาดทั้งการดึง มาริโอ้ เมาเร่อ กลับมาเป็นพรีเซ็นเตอร์อีกครั้งภายใต้แคมเปญ #BESTSTART เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชอบดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำ ควบคู่ไปกับขยายฐานสู่คนรักสุขภาพรวมถึงแฟนคลับของมาริโอ้ทั้งชาวไทยและต่างชาติด้วย
“กลุ่มเป้าหมายหลักของไวตามิ้ลค์ยังเป็น Gen X-Y ที่ออกมาใช้ชีวิตทำกิจกรรมและทำงาน โดยเฉพาะกลุ่ม Core User ที่ดื่มไวตามิ้ลค์มีอยู่ทั่วประเทศ ทุกอาชีพ ผ่านการสื่อสารแบบ 360’ Marketing เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยปีนี้ได้ตั้งงบสำหรับการตลาดเพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนหน้า นอกจากพรีเซ็นเตอร์แล้ว เรายังร่วมสนับสนุนทีม อีสปอร์ต ซึ่งเป็นหนึ่งในคอมมูนิตี้ของกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเน้นในปีนี้ และคาดว่ายอดจำหน่ายไวตามิ้ลค์แบบขวดแก้วพร้อมดื่ม จะโตขึ้น 10-15 % จากปี 2565”
อย่างไรก็ตามในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตในหลายอุตสาหกรรมได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอุตสาหกรรมนมถั่วเหลืองด้วย ในปีที่ผ่านมา ไวตามิ้ลค์ มีความเคลื่อนด้านการปรับราคาสินค้าในทุกเซกเมนต์เฉลี่ย 1-2 บาท ทั้งนี้ผู้บริหารยืนยันว่าในปีนี้ยังไม่มีแผนปรับราคาเพิ่ม
“ที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทหลักยังคง มาจากไวตามิลค์สูตรออริจินอล 70% และสูตรโลว์ชูการ์ และรสชาติอื่นๆเช่นช็อกโกแลต,งาดำ ขณะที่ยอดขายจะผลิตภัณฑ์แบบขวดแก้วยังเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ 60% และในรูปแบบกล่องกินสัดส่วน 40% หลังจากนี้สินค้าใหม่ที่จะออกสู่ตลาด จะเน้นสูตรสูตรน้ำตาลน้อยและสูตรไม่มีน้ำตาล มากกว่าสินค้าปกติ เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก
รวมทั้งตรึงราคาสินค้าให้ได้นานที่สุดเพราะการขึ้นราคาจะกระทบผู้บริโภค โดยเราจะหันมาจัดการกับต้นทุนตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำและลดขยะแทน เพราะปีที่แล้วเราปรับขึ้นราคาสินค้าไปแล้ว 1 รอบ จากต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับตัวขึ้นทั้งถั่วเหลือง ค่าพลังงานไปจนถึงแพคเกจจิ้ง”