ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ไทย ผู้พิชิตห้างค้าปลีกอันดับ 1 โลก

30 มี.ค. 2566 | 09:55 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มี.ค. 2566 | 10:02 น.

ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ค้าปลีกไทย 12 ปีสยายปีก 11 ประเทศ ครอบคลุมยุโรป-อาเซียน รั้งอันดับ 1 “ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก” พร้อมเจรจาดีลใหม่ควัก 9.6 หมื่นล้านซื้อกิจการ “วินคอม รีเทล”

“เวียดนามเป็น Key Market ที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมหาศาล และมีความพร้อมทางธุรกิจในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่โตเร็ว ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว และมีกำลังซื้อสูง รวมถึงการขยายตัวของเมืองและธุรกิจโมเดิร์นเทรดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราจึงขยายธุรกิจในเวียดนามต่อเนื่องด้วยเงินลงทุน 5 หมื่นล้านใน 5 ปี”

คำบอกเล่าล่าสุดที่ “ญนน์ โภคทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC  พูดไว้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในวาระที่นำทัพนักข่าวไปเยี่ยมชมกิจการในประเทศเวียดนาม พร้อมย้ำว่า “เวียดนามคือบ้านหลังที่ 2

จึงไม่แปลกใจนักเมื่อสื่อต่างประเทศออกมาระบุว่า บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (Central Group) ผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกของไทย กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้นใน "วินคอม รีเทล" (Vincom Retail) ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม

สาระสำคัญคือ วินกรุ๊ป (Vingroup) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม กำลังพิจารณาขายหุ้นที่ถืออยู่ในวินคอม รีเทล จากปัจจุบันที่ถือครองอยู่เกือบ 60% ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจ และ "กลุ่มเซ็นทรัล" คือ 1 ในผู้ที่เสนอตัว

ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ไทย ผู้พิชิตห้างค้าปลีกอันดับ 1 โลก

และหากการเจรจาสำเร็จ “วินคอม รีเทล” ซึ่ง วินกรุ๊ปถือหุ้นใหญ่ มีมูลค่าตลาดที่ระดับ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 96,000 ล้านบาท ดีลนี้จะถือเป็นการทำธุรกรรมควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศเวียดนามในรอบหลายปี

ไม่แค่นั้นหาก “เซ็นทรัลกรุ๊ป” ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีธุรกิจครอบคลุมใน 40 จังหวัดจาก 63 จังหวัดของเวียดนาม และจะเพิ่มขึ้นเป็น 57 จังหวัดในปี 2567 และมียอดขาย 1.5 แสนล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า บรรลุข้อตกลงในการซื้อหุ้น “วินคอม รีเทล” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีห้างสรรพสินค้าถึง 83 แห่งในเวียดนาม อาณาจักรของเซ็นทรัลจะยิ่งใหญ่แค่ไหน

ย้อนรอย 12 ปี M&A ขึ้นเบอร์ 1 โลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จของ “กลุ่มเซ็นทรัล” ตลอดระยะเวลา 75 ปี ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลยืนหนึ่งในโลกค้าปลีกเมืองไทย  แต่ความท้าทายคือ “การสร้างอาณาจักรห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ” แนวคิดนี้ริเริ่มขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อน จากจุดเริ่มต้นของการเข้าซื้อกิจการห้างหรู “รีนาเชนเต” (Rinascente) ในอิตาลี ในปี 2554 ตามด้วย อิลลุม ในเดนมาร์กในปี 2556 กลุ่มคาเดเว ในปี 2558 โกลบุส ในปี 2563

ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ไทย ผู้พิชิตห้างค้าปลีกอันดับ 1 โลก

ล่าสุดในปี 2565 การเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท เป็นบทพิสูจน์ฝีมือของ “กลุ่มเซ็นทรัล” กับการก้าวสู่ “ห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในโลก” โดยมีห้างครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา และห้างแฟลกชิปหรู 16 แห่ง ในหัวเมืองหลักของยุโรปและเอเชีย มียอดขายกว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือกว่า 2.6 แสนล้านบาท

ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวถึงความสำเร็จว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้สร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับแบรนด์ลักชัวรี่ยักษ์ใหญ่หลากหลายแบรนด์ ซึ่งได้มีการร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัทตลอดมาเพื่อพัฒนาห้างของเราให้เป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งที่โดดเด่น ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน ปัจจุบันห้างในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลต้อนรับลูกค้ากว่า 130 ล้านคนต่อปี กว่า 200 เชื้อชาติ และมีสมาชิกกว่า 6 ล้านคน

ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ไทย ผู้พิชิตห้างค้าปลีกอันดับ 1 โลก

คีย์ซัคเซสของกลุ่มเซ็นทรัล คือ การพัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์การพัฒนาแปลงโฉมห้างสรรพสินค้า โดยแต่ละห้างได้ถูกออกแบบให้แสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง เพื่อให้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม

กลุ่มเซ็นทรัลยังประกาศเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในภูมิภาคยุโรปใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยการทุ่มงบกว่า 1.36 หมื่นล้านบาท ในการดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าหลายแห่งทั้งคาเดเว, โกลบุส และรีนาเชนเต รวมถึงใช้เงินอีกว่า 3.27 หมื่นล้านบาทการสร้างโครงการใหม่ อีก 3 แห่งทั้งในเยอรมนี, ออสเตรีย และสวิสเซอร์แลนด์

ทศ จิราธิวัฒน์ อีกกลยุทธ์คือการ เดินหน้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งวันนี้กลุ่มเซ็นทรัลมีฐานลูกค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในยุโรปกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และสร้างยอดขายกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท หรือราว 1 พันล้านยูโรต่อปี คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งหลังการเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส ทำให้ได้ Selfridges.com แพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุดมาเสริมทัพ

“Selfridges.com แพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และฐานข้อมูลลูกค้า ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ และมอบบริการให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล รวมทั้งการมีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าใน 11 ประเทศ จะทำให้การประชาสัมพันธ์และเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

รวมถึงให้บริการแบบออมนิแชแนล ที่แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่งอีคอมเมิร์ซทั่วไป โดยเฉพาะในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานการดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัล ลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศไทยจะสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรี่และคอลเล็คชั่นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางนี้”

 

CRC หัวหอกบุกเวียดนาม

ขณะที่ “เซ็นทรัล รีเทล” คือหัวหอกในการเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเตรียมเม็ดเงิน 1.5 แสนล้านบาทสำหรับการลงทุนใน 3 ประเทศคือ ไทย เวียดนาม และอิตาลี เพื่อพิชิตเบอร์ 1 ทั้ง 3 ประเทศในระยะเวลา 5 ปี นับจากปี 2566 ที่จะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาทในการสยายปีกสร้างอาณาจักรเพิ่ม

หากนับเฉพาะเวียดนามเอง “เซ็นทรัล” ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 1.5 หมื่นล้านบาทและปีนี้เตรียมสาดงบลงทุนอีก 6,000 ล้านบาท

ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ไทย ผู้พิชิตห้างค้าปลีกอันดับ 1 โลก

“ญนน์ โภคทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ย้ำว่า CRC เตรียมสร้างการเติบโตในประเทศเวียดนามอย่างก้าวกระโดด ด้วยการขยายโมเดลธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้า GO! ที่แข็งแกร่ง ด้วยกลยุทธ์ The Next Sustainable Growth ได้แก่ การเติบโตจากกลุ่มธุรกิจหลัก (รีเทล) คือ การขยายการลงทุนใน Tops อีก 15 สาขา ขยายศูนย์การค้า GOในเวียดนาม 6-8 สาขา ขยายร้านเหงียนคิม (เครื่องใช้ไฟฟ้า) 3-5 สาขา รวมถึงการขยายร้านค้าอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็น Mini go!  ซูเปอร์สปอร์ต ฯลฯไม่ต่ำกว่า 20 สาขา

นอกจากนี้จะยกระดับ CRC Ecosystem ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและระบบต่างๆ ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก มาสร้างการเติบโตแบบ Inclusive Growth บนแพลตฟอร์ม Next-Gen Omni Retail การเปิดตัวธุรกิจขนาดใหญ่ ในประเทศไทยและเวียดนาม (Build New Growth Pillars)  

“วันนี้เซ็นทรัลเป็นผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ขึ้นแท่นอันดับ 1 ไฮเปอร์มาร์เก็ต อันดับ 2 ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ ด้วยจำนวนธุรกิจครอบคลุมใน 40 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนาม ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มฟู้ด ด้วย 3 โมเดลคือ GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต, go! ซูเปอร์มาร์เก็ต และ Tops market และจะผนึกความร่วมมือทั้ง Ecosystem ของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเป็นผู้นำทั้งในกลุ่มฟู้ด นอนฟู้ด และพร็อพเพอร์ตี้ ในเวียดนามด้วย”

ผ่าอาณาจักร “เซ็นทรัล” ยักษ์ไทย ผู้พิชิตห้างค้าปลีกอันดับ 1 โลก

สำหรับยอดขายจากห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัล ในปี 2553 ก่อนที่จะมีการขยายธุรกิจในต่างประเทศ มียอดขายรวม 1,000 ล้านยูโร หรือราว 4.2 หมื่นล้านบาทไทย หลังการสยายปีกเข้าซื้อกิจการลงทุนในต่างประเทศทั้งอิตาลี เดนมาร์ก เวียดนาม อินโดนีเซีย และเยอรมนี ทำให้ในปี 2559 มียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านยูโร หรือราว 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี นอกจากการ M&A ห้างสรรพสินค้าหรูในหลายประเทศเพิ่มเติม ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์และล่าสุดประเทศอังกฤษ รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ และการรีโนเวตสาขาเดิม ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2565 มียอดขายกว่า 6,700 ล้านยูโร หรือราว 2.6 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมกับธุรกิจอื่นๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ “กลุ่มเซ็นทรัล” ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ห้างค้าปลีกระดับโลกอย่างแท้จริง