ซีเอ็นเอ็น เผย เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าดัง ประกาศผ่านทวิตเตอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า กำลังเปิดโรงงานขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
โรงงานแห่งนี้จะสามารถผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เมกะแพ็ค (Megapacks) ได้ 10,000 แพ็คต่อปี ซึ่งใช้เก็บพลังงานไฟฟ้าในระดับสาธารณูปโภค ช่วยรักษาเสถียรภาพของไฟฟ้าและป้องกันไฟดับ เพราะลดความจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าประเภทจ่ายไฟเฉพาะช่วงที่มีการใช้งานสูง ทั้งนี้ บริษัทได้เผยแพร่ภาพการจัดตั้งโรงงานใหม่ในจีน พร้อมภาพพิธีลงนาม
“เทสลา เปิดโรงงานเมกะแพ็คในเซี่ยงไฮ้ ด้วยเป้าหมายเพื่อเสริมการผลิตของโรงงานเมกะแพ็คในแคลิฟอร์เนีย” อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา กล่าวในทวิตเตอร์
ซึ่งโรงงานในแคลิฟอร์เนียนี้สามารถผลิตเมกะแพ็คได้ 10,000 หน่วยต่อปี เทียบเท่ากับการจัดเก็บพลังงาน 40 กิกะวัตต์-ชั่วโมง
สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะหยุดการผลิตในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และเริ่มการผลิตอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระบบกล้องติดรถยนต์ของเทสลา "ถูกวิจารณ์อย่างมากจีน" สถานที่ราชการและย่านที่อยู่อาศัยบางแห่ง ถึงกับสั่งแบนไม่ให้ใช้รถเทสลาขับเข้าไปในพื้นที่ เพราะกลัวการสอดแนมคนที่เดินสัญจรผ่านไปมา
ขณะที่กระแสโจมตีเทสลาเรื่อง “การละเมิดความส่วนตัวลูกค้า” ยังหนาหู หลังวันศุกร์ที่ผ่านมา “รอยเตอร์ส” นำเสนอข่าวว่า บริษัทสามารถ "เข้าถึงข้อมูลกล้องที่ติดในรถ" ของลูกค้าได้ หากลูกค้าตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวกับบริษัทเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ซึ่งยังมีการแชร์วิดีโอ คลิปสั้นหรือรูปภาพที่ไม่เหมาะสมของลูกค้าให้ดูกันภายในกลุ่มแชทของพนักงาน ซึ่งภาพจากกล้องนั้นมีความละเอียดสูง สามารถมองเห็นรายละเอียดสิ่งของที่อยู่ในรถ และสภาพแวดล้อมภายนอกรถ
รถจากค่ายเทสลา ติดอันดับรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดในโลกมาตลอด โดยเฉพาะ Tesla Model Y ครองอันดับ 1 ในตลาดหลายปี ข้อมูลล่าสุด มกราคม 2566 มีการจดทะเบียนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน (YoY) เป็นมากกว่า 662,000 หน่วย โดยตลาดของจีนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโต
ประเด็นการละเมิดความส่วนตัวลูกค้า ถือเป็นเรื่องใหญ่ และมีความละเอียดอ่อน ที่อาจกระทบยอดขาย จนถึงขณะนี้ “อีลอน มัสก์” ซีอีโอเทสลา จนถึงเวลานี้ยังปิดปากเงียบ ไม่ออกมาชี้แจงเรื่องนี้แต่อย่างใด และมีความเป็นไปได้ทีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาสืบสวนไปจนถึงฟ้องร้องบริษัทเทสลาในที่สุด
ที่มา : รอยเตอร์ส , ซีเอ็นเอ็น