ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ (Tesla Inc.) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ดิ่งลง 7% สู่ระดับ 189 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) ซึ่งเป็นการทรุดตัวลง “หนักที่สุด” ภายในวันเดียวนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้มูลค่าตลาดของเทสลาหายไปถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เทสลาจัดงานพบปะนักลงทุน (Investor Day) ประจำปี 2566 ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส เมื่อวันพุธ (1 มี.ค.) โดย นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลาได้กล่าวถึง Master Plan 3 ในงานดังกล่าว ทั้งยังระบุถึงวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งหน้าสู่ธุรกิจด้านพลังงานที่ยั่งยืน ตลอดจนความสำเร็จในอดีตของเทสลา พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยแนวทางการขยายธุรกิจในระยะยาว
แต่สิ่งที่ขาดไปในงานดังกล่าวซึ่งใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมง คือการเปิดเผยถึงรถรุ่นใหม่ที่มีราคาถูกลงและผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น
นักลงทุนต่างผิดหวังต่อการที่นายมัสก์ไม่ได้เปิดตัวรถยนต์เทสลา Model 2 ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นราคาถูกที่ตลาดกำลังจับตา โดยคาดว่ารถรุ่นดังกล่าวน่าจะมีราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยให้เทสลาสามารถแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายอื่นในตลาด
นักวิเคราะห์ระบุว่า ขณะนี้ รถยนต์รุ่นถูกสุดของเทสลาคือ Model 3 แต่ก็มีราคาสูงถึง 43,000 ดอลลาร์ ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าถึง 7 รุ่นจากค่ายอื่นมีราคาถูกกว่านั้นมาก ส่งผลให้เทสลาขาดความได้เปรียบด้านราคาเหนือคู่แข่ง
ย้ำเป้าหมายลดต้นทุนการผลิตลงครึ่งหนึ่ง
นายอีลอน มัสก์ ได้เน้นย้ำเรื่องวิสัยทัศน์และความสำเร็จในอดีต แต่ก็ขาดการชี้ชัดเรื่องผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ จากเทสลา โดยเหล่าผู้บริหารเทสลาที่ร่วมขึ้นเวทีพบปะนักลงทุนกับนายมัสก์ ต่างก็พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า
เมื่อเร็ว ๆนี้ เทสลาได้เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ขึ้นในรัฐนวยโบเลออง (Nuevo Leon) ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก ซึ่งจะเป็นโรงงานแห่งแรกของบริษัท ที่อยู่นอกสหรัฐ เยอรมนี และจีน โรงงานแห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 ล้านคันต่อปีให้ได้ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573) หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากกำลังการผลิตปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแผนการใหญ่ที่นายแซช เคิร์กฮอร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของเทสลา ประเมินไว้ว่า บริษัทน่าจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่าปัจจุบันถึง 6 เท่า คิดเป็นเงินกว่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.1 ล้านล้านบาท