“ตำนัว” เปิดศึกสังเวียนเรดโอเชียน ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023

29 พ.ค. 2566 | 11:59 น.

“ตำนัว” รุกตลาดน้ำปลาร้าสำเร็จรูปส่ง 2 สูตรใหม่เสริมทัพชิงส่วนแบ่งตลาดเรดโอเชียน งัดกลยุทธิ์การตลาดหนุนส่งสาวงามจากจังหวัดสกลนครสู่เวทียูนิเวิร์สชิงมงกุฏนางงามระดับประเทศ Miss Universe Thailand 2023

“ตำนัว” เร่งเครื่องโกยเม็ดเงินในเรดโอเชียน "ตลาดน้ำปลาร้าสำเร็จรูปในไทย"2 สูตรใหม่ สูตรดับเบิ้ลโหน่ง รสชาติอีสานแท้และ  สูตรอโรมา เอาใจกลุ่มลูกค้าฝึกหัด กลิ่นไม่แรง เสริมทัพชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำปลาร้าปั๊มยอดผ่านช่องทางออนไลน์ หน้าร้าน ขยายส่งออกต่างประเทศ และ OEM ตั้งเป้ารายได้400 ล้านบาท

นางสาวนิภารัตน์ สหเจริญพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยโคริ โนมิโมโน จำกัด
นางสาวนิภารัตน์ สหเจริญพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยโคริ โนมิโมโน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาร้าปรุงรส “ตำนัว” เผยว่า “ตลอดระยะเวลา 5 ปีในการดำเนินธุรกิจผลิตน้ำปลาร้าสำเร็จรูปแบรนด์ “ตำนัว” บริษัทสามารถสร้าการเติบโตและขยายตลาดออกไปได้ทั่วประเทศและต่างประเทศ สร้างยอดขายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านขวด สร้างมูลค่ารายได้กว่า 300 ล้านบาท

โดยมีจุดแข็งคือรสชาติถูกปากคออีสานแท้ มีความเข้มข้น ไม่ตกตะกอน และมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เป็นสูตรเฉพาะที่ไม่มีแบรนด์ไหนสามารถเลียนแบบได้ จนสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าจนเกิดการบอกต่อปากต่อปาก ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง

“ตำนัว” เดินเครื่องสู้ศึกเรดโอเชียน “น้ำปลาร้าปรุงรส

ปัจจุบันแบรนด์น้ำปลาร้าตำนัวมีวางจำหน่าย 2 สูตรหลัก คือ สูตรดั้งเดิม มี 2 ขนาด คือ 350 มล. และ 1,500 มล. ซึ่งเป็นสูตรที่ขายดีที่สุด เนื่องจากรสชาติที่ถูกปาก นำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย และ สูตรกัญชา เป็นสูตรที่จัดทำพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการความผ่อนคลายแต่ยังคงรสชาติและกลิ่นปล้าร้าอยู่ ซึ่งแบรนด์ของเราสามารถขอใบอนุญาตได้เป็นเจ้าแรกในไทย ใส่ได้กับอาหารทุกอย่าง แกง ตำ ยำ ซึ่งจะมีความเข้มข้นและนัวถูกปากคนไทย

 

พร้อมกันนี้ยังได้ ฉบับปรับสูตรใหม่ล่าสุด ให้สอดรับความต้องการบริโภคจากลูกค้า คือ สูตรดับเบิ้ลโหน่ง สำหรับกลุ่มลูกค้าสายอีสานฮาร์ดคอร์ ชอบกลิ่นโหน่ง แรงๆ มีกลิ่นเท็กซ์เจอร์ของเนื้อปลาที่ฉุน มีกลิ่นเฉพาะ ซึ่งเป็นสูตรที่ค่อนข้างผลิตยาก ด้วยความซับซ้อนของกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ความเข้มข้น และกลิ่นที่เป็นสูตรเฉพาะตามแบบฉบับของตำนัวเท่านั้น และ สูตรอโรมา กลิ่นไม่แรงมาก สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มลองทานปลาร้า แต่รับรองว่าได้รสนัวไม่แพ้รสอื่นๆ

“ตำนัว” เปิดศึกสังเวียนเรดโอเชียน ส่ง“น้ำปลาร้าปรุงรส” หนุน MUT 2023
“เรามั่นใจว่าน้ำปลาร้าทุกสูตรของเราจะตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม และครองใจผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดีเช่นเคย นอกจากนี้ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคและสร้างประสบการณ์ร่วมกับผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ บริษัทฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดครอบคลุม 360 องศา และร่วมสนับสนุนเวทีการประกวดระดับโลกเพื่อแสดงถึงความเป็นสากลอย่างเวทีมิสยูนิเวิร์สไทย์แลนด์ โดยได้ร่วมเป็น City Director ในเวที MUT Sakon Nakhon ส่งตัวแทนสาวงามจากสกลนครสู้ศึกในระดับประเทศ และพร้อมเสิร์ฟน้ำปลาร้า “ตำนัว” ทุกสูตรทั่วโลกในปี 2566 นี้”

 

สำหรับแผนการขยายธุรกิจแบรนด์น้ำปลาร้าตำนัวในระยะ 1-5 ปีจากนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายการขยายฐานการผลิตเตรียมลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานหมักปลาร้า ที่จังหวัดหนองคาย เพื่อควบคุมควบคุมมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำไปยันปลายน้ำถึงมือผู้บริโภค รวมถึงเป็นการช่วยลดต้นทุนขาย ดันมาร์จินเพิ่มจากค่าขนส่งปลาร้าหมักจากเดิมเรามีพาร์ทเนอร์ที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนส่งมาที่โรงงานผลิต 2 แห่ง ที่จังหวัดหนองคายซึ่งเป็นโรงงานขนาดกลาง และที่จังหวัดสกลนครเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 120,000 ขวดต่อวัน เพื่อจำหน่ายภายใต้แบรนด์ตำนัวและช่องทาง OEM ซึ่งเป็นรายได้หลัก 2 ทางของบริษัทฯ โดยกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นตลาดในไทย 70% เปอร์เซ็นต์ และต่างประเทศ 30% โดยเราส่งออกขายในมินิมาร์ทให้กับ เกาหลี ลาว อเมริกา ใต้หวัน ฮ่องกง ยุโรป (EU) ปัจจุบันนี้มีตัวแทนกระจายทั่วยุโรป 

 

“เราตั้งใจจะไปที่ลาว กัมพูชา เวียดนาม ซึ่งตลาดยังไม่ได้รองรับมาก เนื่องจากกลุ่มนี้มีปลาร้าของเขาอยู่แล้วและส่วนใหญ่จะรับประทานปลาร้าแบบเป็นตัว ส่วนอเมริกาค่อนข้างขายดีเนื่องจากมีคนลาว คนอิสานอาศัยอยู่เยอะ ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่โน่นจะขายน้ำปลาร้าเยอะมาก สำหรับประเทศแรกที่ซื้อน้ำปลาร้าจากแบรนด์ของเราคือเกาหลี ซึ่งเซอร์ไพรส์มาก ด้วยเหตุผลคือแรงงานไทยในเกาหลีค่อนข้างเยอะ แล้วการขออนุญาตในเกาหลีค่อนข้างจะเข้มงวดมาก แต่เราเป็นแบรนด์แรกที่ขออนุญาตผ่าน ซึ่งเกาหลีต้องผ่านการตรวจ ต้องมีมาตรฐานหลายๆ ตัว วัตถุดิบก็จะไม่เหมือนกัน ทุกอย่างทำให้เราเรียนรู้มาจากตรงนั้น แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาว่าแต่ละประเทศห้ามใส่อะไรบ้าง ใส่อะไรได้บ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่โจทย์ที่ง่าย แต่ก็นับเป็นความท้าทายของเราที่จะต้องผลักดันให้การเติบโตแตะ 400 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 45% และตั้งเป้ารายได้ปีหน้า 500 ล้านบาท"