นายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดทีวีในปีที่ผ่านมามีมูลค่าตลาด 23,200 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีการเติบโต 2% หรือมีมูลค่า 23,600 ล้านบาท โดยเซกเมนต์ Smart TV เติบโต 93% ส่วน UHD จะเติบโต 80% และ Big Screen จะเติบโตเป็น 13.5% ในตลาดทีวีรวม โดยแอลจีมีส่วนแบ่งการตลาดในเซกเม้นท์พรีเมียม 75%
อย่างไรก็ตามปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่ไม่เพียงแค่มองหาทีวีที่มาพร้อมเทคโนโลยีด้านภาพเท่านั้น แต่ยังต้องตอบโจทย์ในด้านไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ เช่น พร้อมรองรับการรับชมสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่หลากหลายและสามารถใช้งานร่วมกับโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวมถึงในด้านดีไซน์ที่สวยงามและลงตัวกับการตกแต่งภายในบ้าน
ดังนั้นในปีนี้ แอลจีจึงเน้นนำเสนอไลน์อัพทีวีหลากหลายรุ่น ที่นำโดยนวัตกรรมทีวี OLED 4K จอยักษ์ระดับไฮเอนด์สู่ตลาดทีวีระดับพรีเมียม พร้อมกับประเดิมตลาดทีวีไลฟ์สไตล์เป็นครั้งแรก ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย และคาดว่าจะสร้างการเติบโตด้านยอดขายในกลุ่มทีวี OLED ขึ้น 60% และสร้างฐานยอดขายในกลุ่มไลฟ์สไตล์ทีวี รวมถึงจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของแอลจีในตลาดทีวีโดยรวม 21%
“ไลน์อัพทีวีใหม่ของแอลจี คือการปฏิวัติในโลกของทีวีที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ผ่าน 5 แนวคิดหลัก ได้แก่ 1.การอัพเกรดชิปประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI 2.มอบความสว่างและคมชัดมากขึ้น 70% ด้วยเทคโนโลยี Brightness Booster Max 3. การันตีคุณภาพระดับชั้นนำที่วางใจได้ 4. ไลฟ์สไตล์ทีวีดีไซน์สวย ลงตัวกับทุกการใช้งาน
โดยในปีนี้ แอลจีมีแผนเข้าสู่ตลาดไลฟ์สไตล์ทีวีอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบและความลงตัวกับการตกแต่งบ้าน จึงได้เปิดตัวทีวี LG OLED Posé ขนาด 55 นิ้ว ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยงามลงตัวทุกมุมมอง และมอบคุณภาพของภาพที่สวยคมชัดด้วยหน้าจอ OLED evo
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว LG StanbyME จอสัมผัสเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระด้วยล้อลากและแบตเตอรี่ในตัว และจอภาพที่ออกแบบมาให้ปรับหมุนได้ จึงตอบโจทย์เทรนด์การรับชมสตรีมมิ่งคอนเทนต์จากแอปพลิเคชันต่างๆ เหมาะสำหรับการรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงได้จากทุกพื้นที่ภายในบ้าน
5. เน้นประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ โดยทีวีแอลจีรุ่นปี 2566 ได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ webOS 23 ทำให้อินเทอร์เฟซการใช้งานของทีวีมีความเรียบง่ายและเป็นสัดส่วนมากขึ้น การจัดหน้าจอแบบ Quick Cards ช่วยให้ผู้ชมค้นหาคอนเทนต์ที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ต้องการได้ง่ายกว่าเดิม ฟีเจอร์ Quick Settings ยังช่วยให้ตั้งค่าฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยได้
"ปัจจุบันแอลจีมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์คิดเป็น 38% ของรายได้รวมของ LG ในกลุ่มตลาดทีวีพรีเมี่ยม LG มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 30% ขณะที่สัดส่วนยอดขาย TV ของ LG แบ่งเป็นOLED TV 18%,QNED + Nano cell 32% และUHD TV 50%
โดยหลังจากเปิดตัว47 ไลน์อัพทีวี2023 ใหม่แอลจีได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการโปรโมตไลน์อัปทีวีใหม่อยู่ 3.5% ของยอดขายหรือประมาณ 300 ล้านบาท โดยเป็นงบการตลาดของประเทศไทย 200 ล้านบาท และเป็นงบจากสำนักงานใหญ่อีก 100 ล้านบาท"