นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2023 นับเป็นปีที่ประเทศไทยผ่านพ้นช่วงโควิดมาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนผ่านความมั่นใจของลผู้บริโภค โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวทั้งประเทศที่เทรนด์ยังเป็นไปในทิศทางที่ดีมีการเติบโตที่สูงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเมื่อเทียบกับปี 2019 ก่อนโควิดก็ถือว่ามีการเติบโตที่เยอะพอสมควร
แน่นอนว่าแม้ว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะยังไม่นับว่าฟื้น 100% แต่“เบอร์เกอร์คิง” ยังจัดโปรโมชั่นและส่งสินค้าใหม่ๆออกมาสู่ตลาดเพื่อสร้างความสนใจให้กับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา และได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี
ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี “เบอร์เกอร์คิง” สามารถทำ New High ถึง 2 ครั้งในเดือนเมษายนและเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้บริหารเปิดเผยว่า เป็นการทำ New High รายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์นับตั้งแต่บริหารแบรนด์ในประเทศไทยทีเดียว ส่วนหนึ่งมาจากกะแส The Real Meat Burger ทำให้ “เบอร์เกอร์คิง” ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเข้ามาจำนวนมาก
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับตลาดเบอร์เกอร์ปัจจุบัน “เบอร์เกอร์คิง” กินมาเก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 และครองอันดับ 3 ในตลาด QSR และในครึ่งปีหลังคาดว่าในภาพรวมน่าจะจะยังมีโมเมนตัมที่ดี
“ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วเราได้วางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์“เบอร์เกอร์คิง” ซึ่งเดิมเราดังเรื่องเบอร์เกอร์เนื้อ แต่จุดอ่อนคือเรามีเบอร์เกอร์เยอะเกินไปดังนั้นถ้าเราต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับ 1 เบอร์เกอร์คิง ก็ควรจะต้องมีบางอย่างเข้ามาเสริมมากกว่านี้ เพราะคนไทยไม่ได้อยากกินเบอร์เกอร์ทุกวัน และคนไทยชอบทานไก่
ขณะที่มูลค่าตลาดไก่ทอดสูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาทกินสัดส่วน market Size ใหญ่กว่าเบอร์เกอร์ถึง 2 เท่า
ดังนั้นเราจะต้องมีเมนูไก่ทอดเข้ามาเสริมเพื่อให้เมนูของเรามีความครบถ้วนมากขึ้น เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราจึงออกเมนูไก่ทอด2 รสชาติคือรสชาติเผ็ดและรสไม่เผ็ด รสเผ็ดคือรสต้มยำซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากและขายดีมากกว่ารสดั้งเดิม แต่เรารู้สึกว่ายังสามารถทำได้มากกว่านี้ เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับรถดั้งเดิมประกอบกับการฟังเสียงลูกค้าที่เรียกร้องไก่ทอดหาดใหญ่ เราจึงนำตัวนี้มาพัฒนาต่อเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดเพราะคู่แข่งของเรามาก่อนเรา 20-30 ปี เราต้องยอมรับว่ามาทีหลังและเริ่มขยายสาขาในกรุงเทพฯไม่เกิน 10 ปีที่แล้ว”
ผู้บริหารกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันเบอร์เกอร์คิงเรามีสาขาในกรุงเทพฯเยอะที่สุด แต่โดยส่วนใหญ่ลูกค้าของ เบอร์เกอร์คิง ในโซนจังหวัดท่องเที่ยวเช่นภูเก็ต สมุย จะนิยมเบอร์เกอร์มากกว่าไก่ทอด ขณะที่โลเคชั่นต่างจังหวัดและชานเมืองกรุงเทพฯให้การตอบรับเมนูไก่ทอดมากกว่า สำหรับ“ไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” (HATYAI CHICKEN KING) เป็นเมนูไก่ทอดหนังกรอบ ในราคาเริ่มต้นชิ้นละ 49 บาท หรือ “ชุดไก่ทอดหาดใหญ่ ชิกเก้นคิง” ไก่ทอดหาดใหญ่ 2 ชิ้น พร้อมข้าวเหนียวหอมมะลิออร์แกนิคและน้ำจิ้มแจ่วสูตรลับเบอร์เกอร์คิง และเครื่องดื่มขนาด 16 ออนซ์ ในราคาชุดละ 129 บาท
“ปัจจุบันเรามีสาขา 123 สาขาครอบคลุม 20 จังหวัดเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยปีละ 10 สาขา ซึ่งปีนี้เราเปิดไปแล้ว 4 สาขาและในไตรมาสที่ 4 จะเปิดเพิ่มอีก 6 สาขาในโซนที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งในพัทยา ภูเก็ตและในกรุงเทพฯ และในทุกๆเดือนเรามีเมนูใหม่ออกส่วนใหญ่จะเป็นโลคอลเมนูซึ่งไม่มีขายในประเทศอื่น ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดีเนื่องจาก เบอร์เกอร์คิง เป็นแบรนด์ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงกว่า43 สาขาจึงจำเป็นจะต้องมีความหลากหลายให้ลูกค้าเลือก ขณะเดียวกันยังกระตุ้นยอดฝั่งเดลิเวอรี่ที่แม้จะยังอยู่ในเทรนด์แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระแสอาจลดลงมาบ้าง แต่เบอร์เกอร์คิงมีหลายกลยุทธ์ในการสร้างยอดขายในช่องทางเดลิเวอรี่ เพราะยังเป็นช่องทางไฮไลท์ในการทำยอดขายจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าเบอร์เกอร์คิงสาขา 24 ชั่วโมงมียอดสั่งซื้อมากกว่ากว่าคู่แข่งและขายดีกว่าในช่วงตอนกลางคืน”