อุตสาหกรรมความงามหลังโควิดเริ่มเห็นทิศทางการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญไปพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไม่ได้เน้นเฉพาะความสวยงามอีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับความงามที่มาพร้อมกับสุขภาพผิวที่ดี “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย” ผู้นำตลาดการจัด “อีเวนต์” ระดับประเทศ เล็งเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ เตรียมนำ อีเว้นต์ความงาม “Cosmoprof CBE ASEAN 2023”เข้ามาจัดในประเทศไทยอีกครั้ง ภายใต้ธงใหม่คือ การจุดกะแส ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’ ในเวทีโลก
หลังจากการชิมลางอีเวนต์แรกในปี 2565 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมากสะท้อนผ่านตัวเลขผู้ชมงาน มากถึง 8,216 คน พร้อมจับคู่ธุรกิจกว่า 600 คู่ โดยมีจุดประสงค์ของงานคือการผลักดันไทยเป็นฮับด้านสุขภาพ-ความงาม อาเซียน
นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยว่า อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน กำลังมีกระแสการเติบโตไปในทิศทางบวก เห็นได้จากสัญญาณฟื้นตัวหลังช่วงล็อกดาวน์ที่ผู้บริโภคออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์ดูแลสุขภาพผิวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในระยะหลัง ทำให้สินค้าความงามทุกกลุ่มต่างเป็นที่ต้องการในตลาดทั้งกลุ่มที่ใช้ในการผลิตไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเช่นเดียวกับฝั่งเครือข่ายธุรกิจและผู้ประกอบการความงามที่ต่างมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
“อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ณปัจจุบันเติบโตในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวจากโควิดทำให้ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพและความงามกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ทำให้สินค้าความงามในทุกๆกลุ่มได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เราจึงเล็งเห็นถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้น จึงนำงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2023”งานแสดงสินค้าและบริการด้านความงามและอาหารเสริมที่ครบครันที่สุด เป็นปีที่ 2 ซึ่งกว่าครึ่งของผู้ประกอบการที่มาจัดแสดงเป็นผู้ประกอบการจากประเทศไทย และ pavilion จากอิตาลี ฝรั่งเศส เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ไต้หวันและประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียน
โดยโปรไฟล์หลักๆของงานแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ supply chain เป็นโซน exhibitor ที่นำนวัตกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นรอว์แมททีเรียล ผู้รับจ้างผลิต แพ็คเกจจิ้ง เครื่องจักรหรือดีไวท์ต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งเป็นโซนสินค้าสำเร็จรูปจากแบรนด์ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ทั้งนี้อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทย มีจุดแข็งสำคัญในฐานะแหล่งวัตถุดิบของเครื่องสำอางธรรมชาติที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 2.3 แสนล้านบาท รวมถึงเป็นฮับการผลิต OEM ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายในงานจึงมีพื้นที่พิเศษสำหรับผู้ผลิตหรือบริษัทแบรนด์คนไทย สำหรับการสนับสนุนให้ผู้เข้าชมหรือผู้ซื้อจากต่างประเทศ ได้เข้าถึงและสัมผัสกับคุณค่า เอกลักษณ์ รวมไปถึงประสบการณ์ความงามต้นตำรับไทยแท้ ในโซน ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’ โดยเฉพาะ
“เราต้องการโปรโมทผู้ประกอบการไทยทั้งผู้ผลิตและแบรนด์ออกไปให้ผู้ประกอบการต่างชาติมาพบกับผู้ประกอบการและผู้ผลิตไทยเพื่อต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ ซึ่งผู้ผลิตในประเทศไทยเองอยู่เบื้องหลังแบรนด์ความงามต่างประเทศนอกหลายๆแบรนด์ และด้วยความแข็งแกร่งของเครือข่ายความงามระดับโลก ทำให้การจัดงานในปีนี้ ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีพื้นที่จัดแสดงปัจจุบัน 100% ถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในครั้งนี้เราใช้พื้นที่มากกว่า 17,000 ตารางเมตร มีผู้จัดแสดงสินค้ามากกว่า 1,000 รายจาก 20 ประเทศเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 38% และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานจากทั้งในและต่างประเทศ 12,000 คนจาก 60 ประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 23% ปีที่แล้ว โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ซื้อชั้นนำจากเอเชีย ยุโรปและอาเซียน เรามั่นใจว่างานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามตลอด 3 วันนี้ จะสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับอุตสาหกรรมความงามได้มากถึง 1,000 ล้านบาท” นายธัชพล”