SABINA ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ฟรีวีซ่าหนุนกำลังซื้อปลายปี

24 ก.ย. 2566 | 08:43 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2566 | 09:01 น.

SABINA มีลุ้นผลงานไตรมาส 3 โตเกินเป้าหมายหลังแคมเปญ 9.9 ดันขึ้นแท่นแบรนด์ยอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ พร้อมลุ้นรอบ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล-นโยบายฟรีวีซ่าหนุนการจับจ่ายช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี

SABINA คาดผลงานทั้งปี 66 เข้าเป้า 10-15%  ฉลุย พร้อมเปิดเกมรักษาการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิต่อเนื่อง หลังจากครึ่งปีแรก NPM ทำสถิติสูงสุดแตะระดับ 13.3% ส่วนครึ่งปีหลังนัดแรก แคมเปญ 9.9  ดันผลงานไตรมาส 3 ขึ้นแท่นแบรนด์ยอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ส่วนปลายปียังมีลุ้นกระตุ้นยอดช่วงโค้งสุดท้ายปีจากแรงหนุนของ

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า SABINA ยังคงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในกลุ่มสินค้าแฟชั่นในใจนักช้อปออนไลน์ หลังจากสามารถกวาดยอดขายสูงสุดจากมหกรรมช้อปปิ้ง 9.9 บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งช้อปปี้และลาซาด้า  ทำให้มีลุ้นสร้างเซอร์ไพร์สสำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งอาจจะดีกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้SABINA ยังมั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บรรยากาศโดยรวมในช่วงปลายปีเป็นไปอย่างคึกคักมากขึ้น ขณะที่มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ที่รัฐบาลประกาศใช้เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของไทย

SABINA ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ฟรีวีซ่าหนุนกำลังซื้อปลายปี

รวมถึงมีโอกาสจะขยายถึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะกระตุ้นการบริโภค ทั้งจากกำลังซื้อภายในประเทศและจากนักท่องเที่ยว

“ในปีนี้ SABINA วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10-15% โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึงตอนนี้เรามั่นใจว่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่ที่ต้องเกาะติดตัวเลขอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสที่เราจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่สูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ ด้วยบรรยากาศที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี และในไตรมาสสุดท้ายยังมีเมกะแคมเปญ 11.11 รออยู่ 

 

เราไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการสร้างยอดขายที่สูงที่สุดเท่านั้น เพราะที่ผ่านมา SABINA พยายามรักษาการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิ (NPM : Net Profit Margin) ที่สะท้อนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ซึ่งหมายถึงเราต้องเพิ่มรายได้ยอดขาย พร้อมๆ กับควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินการ และค่าใช้จ่ายด้านการผลิตที่เราใช้นวัตกรรมต่างๆ มากขึ้น ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์สำคัญนั่นคือ การเติบโตอย่างยั่งยืนของ SABINA ภายใต้พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง” 

 

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ของ SABINA อยู่ที่ 13.3% ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่พัฒนาการที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าลงทุนใน Moda SBN ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีก และเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor) สินค้าแบรนด์ “ซาบีน่า” ในประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 77% ซึ่งขณะนี้มีอัตราการเติบโตของยอดขายดีกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ และหลังจากนี้ไป SABINA เตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นกำลังซื้อในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอย่างมีศักยภาพต่อไป