เบื้องหลัง กฎหมายข้าว ปี 2489 คุมส่งออกข้าว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

13 ธ.ค. 2567 | 23:20 น.

นายกฯ แพทองธาร เดินหน้าประกาศปฏิรูปวงการข้าวไทย แก้ พ.ร.บ.ข้าว ปี 2489 ลดขั้นตอนการขออนุญาต เปิดทางผู้ประกอบการรายเล็กส่งออกข้าว

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มีการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหาร สำหรับนโยบายที่รัฐบาลจะดำเนินการในปี 2568 ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดแนวทางการทลายทุนผูกขาดการส่งออกข้าว 3 ขั้นตอนประกอบด้วย

1. ลดขั้นตอนการขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกข้าว ซึ่งเดิมต้องมีสต๊อกข้าว 500 ตัน (20 ตู้คอนเทนเนอร์) โดยจะปลดล็อกการกำหนดสต๊อกข้าวส่งออกด้วยการแก้ไขประกาศฉบับที่ 150 เรื่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวขออนุญาตประกอบการค้าข้าว ตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ.2489 เพื่อปรับลดสต๊อกข้าวสำหรับผู้ส่งออกลง

2. ปรับขั้นตอนการขออนุญาต จดทะเบียน ออกฟอร์ม และการลดต้นทุน

3. สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ของวงการข้าวไทยในตลาดโลกครอบคลุมข้าวพื้นนุ่ม และข้าวเพื่อสุขภาพ

สำหรับ พระราชบัญญัติการส่งออกข้าว พ.ศ. 2489 ได้กำหนดข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมและการส่งออกข้าวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหารของประเทศ หนึ่งในข้อกำหนดที่สำคัญคือ การสต๊อกข้าว โดยผู้ส่งออกข้าวต้องมีปริมาณสต๊อกข้าวอย่างน้อย 500 ตันตามที่ได้ระบุไว้ในกฎหมายการกำหนดให้มีการสต๊อกข้าวในปริมาณขั้นต่ำนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

1. รักษาความมั่นคงทางอาหาร : ประเทศต้องมีข้าวสำรองไว้ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉินที่ทำให้การผลิตข้าวลดลงหรือการส่งออกข้าวไม่สามารถทำได้

2. ป้องกันการขาดแคลนข้าว : เพื่อให้มีปริมาณข้าวสำรองเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศในช่วงที่การผลิตข้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการ

3. การควบคุมการส่งออก : กฎหมายยังเน้นให้มีการควบคุมการส่งออกข้าวอย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้ส่งออกจนกระทั่งมีการตรวจสอบและประเมินปริมาณข้าวสำรองภายในประเทศอย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ การกำหนดจำนวน 500 ตันเป็นมาตรการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณข้าวสำรองที่เพียงพอในภาวะวิกฤตหรือช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนในตลาดข้าวโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการป้องกันปัญหาการขาดแคลนข้าวในประเทศ