มหกรรมกีฬาทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ที่กลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง ผนวกการใช้ชีวิตที่กลับสู่ภาวะปกติ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้คนไทยสามารถกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ สร้างกระแสให้ตลาดสินค้ากีฬากลับมาคึกคัก โดยเฉพาะ “สปอร์ตแฟชั่น” ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ทำให้ตลาดมีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ประกอบการหน้าใหม่และเก่าที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย
ไม่ว่าจะเป็น การเข้ามาเปิด “ไนกี้ สโตร์” (Nike Store) สาขาใหม่ล่าสุด โดย IAM247 by Valiram ซึ่งเป็น Nike Official Store Partner ในประเทศไทย ที่ศูนย์การค้าเมกาบางนา แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่โซนตะวันออกที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการในทั้งกลุ่มลูกค้าครอบครัวและลูกค้าสายสปอร์ต พร้อมความเป็น Sports Performance Store ด้วย Treadmill Area โซนลู่วิ่งขนาดใหญ่ รวมทั้งนี่ยังมีทั้งสตรีทแฟชั่น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย กลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ฯลฯ โดยเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ขณะที่ก่อนหน้านี้แบรนด์ดังระดับโลก ต่างพาเหรดเข้ามาปักหมุดในเมืองไทย ทั้ง CRAFT (คร๊าฟ) สปอร์ตแวร์ สัญชาติสวีเดน ซึ่งมีจุดเด่นที่เสื้อผ้าที่เลือกนำวัสดุจากการพัฒนาชุดนักบิน Aire Force มาใช้ในการพัฒนาสินค้าตั้งแต่ปี 1977 จากนั้นได้ขยายตลาดอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเลือกเปิดแฟลกชิพสโตร์ “Craft Thailand Experience Store” สาขาแรกของโลก ณ สยามดิสคัฟเวอรี่
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Top Level” ของ CRAFT ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ครบทุก Category ทั้ง Running Race และ Trail หรือ Hybrid ที่ใช้ได้ทั้ง Race และ Trail รวมไปถึง Training และ Cycling/Bike และยังมีการออกแบบเป็นสไตล์ Nordic ทั้งหมด ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์ Accessories อย่างเช่นกระเป๋า ที่มีความ Luxury look แต่ยังแฝงลูกเล่นไปกับดีไซน์เรียบหรู คลาสสิคด้วย เพราะต้องการรองรับดีมานด์ในตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง
ล่าสุดแบรนด์ดังอย่าง “ฟุต ล็อคเกอร์” ร้านค้าปลีกกีฬาดังจากอเมริกา ก็เปิดให้บริการสาขาแรก ณ สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากสาวกสปอร์ตและสปอร์ตไลฟ์สไตล์ คนไทยอย่างล้นหลาม โดย นายดีพัก โทมาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด
กล่าวถึงสาเหตุที่เลือกลงทุนในไทยว่า หลังโควิดคลี่คลาย จะเห็นว่าประเทศไทยเริ่มมีการลงทุนและขยายธุรกิจมากขึ้น อีกทั้งกลุ่มรีเทลในไทยถือเป็นตลาดที่หวือหวา มีศักยภาพ มีบริการที่ดีที่สุด เป็นเบอร์ 1 ในด้านการสร้างประสบการณ์ ทำให้ธุรกิจค้าปลีกของไทยเติบโตต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงออมนิ แชนนอล และอีคอมเมิร์ซด้วย
“ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา รวมถึงธุรกิจรีเทลของไทยที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเชื่อมั่นและพร้อมลงทุนในไทย โดยเลือกลงทุนเปิดให้บริการร้านฟุต ล็อคเกอร์ (Foot Locker) สาขาแรกในประเทศไทยในรูปแบบ Power Store ซึ่งเป็นโมเดลใหญ่สุด บนพื้นที่กว่า 1,321 ตร.ม. ภายในดีไซน์แบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ
อาทิ Kid’s Zone, Foot Locker for Her, Basketball, Men ฯลฯ ที่มีความน่าสนใจ เป็นคอมมูนิตี้ของคนรักสตรีทแฟชั่น สนีกเกอร์ ศิลปะ ดนตรี และกีฬาในประเทศไทย และมีแผนขยายสาขา 2 ณ ดิ เอ็มสเฟียร์ ในเดือนธันวาคมนี้ และตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขา 8-10 สาขาภายใน 3 ปีข้างหน้าด้วย เพื่อรองรับตลาดรองเท้าสปอร์ตแฟชั่นและเสื้อผ้าแนวไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น”
ขณะที่กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ผู้บริหาร “ซี อาร์ ซี สปอร์ต” (CRC Sports) เจ้าของแบรนด์ร้านซูเปอร์สปอร์ต ซึ่งล่าสุดได้สิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์เอ้าท์ดอร์ชื่อดัง “โคลัมเบีย” (Columbia) เข้ามาเสริมทัพ เพื่อรองรับตลาดกลุ่มเอ้าท์ดอร์ในประเทศไทยมีการขยายตัวค่อนข้างสูง ทั้งการไป Camping, Hiking, Trail running หรือกิจกรรมทางน้ำกลางแจ้ง
ทำให้มองเห็นถึงโอกาสเติบโตของแบรนด์จึงเปิดให้บริการแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งร้านค้าปลีกและในรูปแบบของอีคอมเมิร์ซ โดยปีนี้ ได้เปิด 4 สาขาใหม่ ได้แก่ สาขาพระราม 9 สาขาภูเก็ต สาขาเชียงใหม่ และ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์บนเว็บไซต์ Supersports.co.th รวมถึง Lazada, Shopee และ Central
“ความเชี่ยวชาญของซี อาร์ ซี สปอร์ต จะสร้างแบรนด์ Columbia ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่สนใจในกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งสายเดินป่า สายแคมป์ปิ้ง สายผจญภัย และสายวิ่งเทรล ด้วย 3 กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ กลุ่ม Everyday Experts กลุ่ม Urban Actives และกลุ่ม Professional Elites ซึ่งครอบคลุมช่วงอายุที่แตกต่าง
โดยมีลูกค้าผู้ชายในสัดส่วนที่มากกว่าเล็กน้อย การทำความเข้าใจลูกค้าและวางกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง ส่งผลให้เราสามารถวางกลยุทธ์การตลาดและนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการและความชอบของแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายอเล็กซองด์ อัมเบล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด กล่าว
ขณะที่ นายพรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด ตัวแทนจำหน่ายแบรนด์รองเท้าซอคคือนี่ (Saucony) กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้คนสามารถออกมาทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะช้อปปิ้ง ท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ออกกำลังกาย หรือการไปร่วมการแข่งขันต่างๆ
ทำให้ตลาดรองเท้ากีฬากลับมามีการแข่งขันที่สูงขึ้น การทำตลาดจึงมุ่งขยายโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นนักวิ่ง และกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น คนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจการออกกำลังกายกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบในสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ รวมถึงนักท่องเที่ยว ผ่านการทำการตลาดและจุดขายที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย
“ซอคคือนี่ตั้งเป้าที่จะมียอดขาย 500 ล้านบาทภายในปี 2567 จากการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 247% ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนจุดวางขายอยู่ 75 แห่ง ณ ปัจจุบัน และคาดว่าจะมีเพิ่มเป็น 81 จุดขายภายในปีนี้ทั่วประเทศ โดยที่เราจะเน้นการสร้าง branded space เป็นจุดขายในห้างชั้นนำ โดยซอคคือนี่ต้องการเป็นแบรนด์รองเท้าวิ่ง Top 5 ที่นักวิ่งเลือกใช้
รวมถึงการเติบโตของเสื้อผ้าสำหรับการออกกำลังกาย และรองเท้าแบบไลฟ์สไตล์ในนาม Saucony Originals ซึ่งปีนี้ที่มีสินค้าที่โดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น TOMBOGO™ X SAUCONY ‘Butterfly’, Saucony x Maybe Tomorrow, Trailian Pack ที่พร้อมนำเสนอให้ทั้งกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบในแบรนด์เราอยู่แล้ว รวมถึงกลุ่มสนีกเกอร์เฮดที่ชื่นชอบในรองเท้าไลฟ์สไตล์”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,928 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2566