นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของกลุ่มเซ็นทรัลในฐานะผู้นำค้าปลีกและบริการ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ คือ การขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับเมือง สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับชุมชนและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนในพื้นที่ ภายใต้แนวคิด “Growth for the Country , Great for Local Communities”
โดยเน้นภูมิภาคที่มีศักยภาพภายในประเทศ รวมไปถึงการสร้างสรรค์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ ควบคู่กับการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ พัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์ฮับประจำถิ่น จุดประกายเทรนด์ท่องเที่ยวเมืองรองให้คึกคักสู่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจตั้งแต่ระดับฐานรากถึงระดับบน
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ จะสร้างการลงทุนให้หลากหลาย ด้วยการขยายการลงทุน เป็น Mixed-Use Development ครอบคลุมศูนย์การค้า ค้าปลีก โรงแรม อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย เน้นการออกแบบก่อสร้างให้คงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์และสอดคล้องกับเอกลักษณ์ในพื้นที่ชุมชน
แผนการขยายธุรกิจต่างๆ ในช่วงปี 2566 - 2567 อาทิ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 โดยจังหวัดนครพนมมีความสำคัญทางด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและเมืองหน้าด่านการค้าและการท่องเที่ยวสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกทั้งตั้งอยู่บริเวณชายแดนติดเมืองท่าแขก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
โดยมีเส้นทางคมนาคมอันโดดเด่น คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 รองรับการเดินทางและการขนส่งด้านการค้าและการท่องเที่ยว เชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม และภาคใต้ของประเทศจีน โดยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามและจีนตอนใต้ให้มีมูลค่าการค้าผ่านแดนสูงสุดในประเทศไทย
รวมทั้งการก่อสร้างรถไฟรางคู่สายใหม่ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ที่จะสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการบริหารจัดการขนส่งมวลชน สินค้าและบริการได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้การพัฒนาโครงการใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัล จึงมีส่วนสำคัญในการเสริมศักยภาพให้จังหวัดนครพนมให้เป็นเมืองสุดฮิป ในแดนอีสาน ถูกใจนักท่องเที่ยวสไตล์ฮิปสเตอร์ไม่ซ้ำใคร
โดยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้า ที่เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีนตอนใต้ ส่งเสริมให้คนในชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
จังหวัดนครพนมมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ภาคท่องเที่ยวกว่า 2,200 ล้านบาท , ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ จังหวัดหนองคาย งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวในปี 2567 โดยจังหวัดหนองคายเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เป็นเมืองชายแดนติดกับนครหลวงเวียงจันทน์และแขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีจุดผ่านแดนด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และเป็นประตูการค้าสู่กลุ่มประเทศอินโดจีน
ทำให้เป็นที่นิยมในการเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยของประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งมีแผนพัฒนาระบบขนส่งให้เป็น Transportation Hub ทั้งทางบก ทางราง รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ ไทย-ลาว-จีน-คุณหมิง ในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้หนองคายมีมูลค่าการค้าชายแดนไทย-ลาว สูงสุดของประเทศไทย ปีละไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท มีนักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ภาคท่องเที่ยวกว่า 3,350 ล้านบาท ทั้งนี้ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ หนองคาย จะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเมืองรองที่รวมทุกความสุข ก่อให้เกิดการใช้ชีวิตอย่างมีสีสันและมีชีวิตชีวาของทุกคน
“การลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลในจังหวัดนครพนม และ หนองคาย จะช่วยรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและผลักดันการขยายตัวทางการค้าการลงทุน การบริการ การท่องเที่ยว อีกทั้งส่งเสริมการเกษตรสมัยใหม่ สนับสนุนการจ้างงาน และยกระดับความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน”
ภาคกลาง : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ (ไตรมาสแรกปี 2567) ตั้งอยู่บนแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridors (NSEC) ที่จะร่วมเติมเต็มศักยภาพและเสริมความแข็งแกร่งให้กับจังหวัดนครสวรรค์ควบคู่กับแผนของภาครัฐที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในอนาคต เช่น รถไฟความเร็วสูงสายเหนือ, รถไฟทางคู่สายนครสวรรค์-แม่สอด เป็นต้น
โดยจังหวัดนครสวรรค์ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย-จีน รวมทั้งเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่อีกด้วย, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม (ไตรมาสสอง ปี 67) เป็นการขยายไปภาคตะวันตกโดยมีนครปฐมเป็นประตูเชื่อมไปยังจังหวัดใกล้เคียง คือ ราชบุรี และกาญจนบุรี เป็นศูนย์กลางของเมืองรองที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
นายทศ กล่าวอีกว่า กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับการ “พัฒนาคน” เมื่อพื้นที่หัวเมืองหรือเมืองรองเกิดการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ จะกลายเป็นศูนย์กลางหรือเดสติเนชั่นแห่งการช้อปปิ้ง อาหาร แบรด์ดัง แฟชั่น และการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตั้งแต่ระดับฐานราก ชุมชน เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ
ทำให้ผู้คนทุกระดับมีรายได้ในการจับจ่ายใช้สอย ธุรกิจมีสภาพคล่องที่ดี อีกทั้งสร้างโมเมนตัมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้โตอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การสะพัดของเม็ดเงินตลอดอีโคซิสเต็มในระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้กลุ่มเซ็นทรัลคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีพนักงานประจำรวม มากกว่า 100,000 คน และมีการจ้างงานมากกว่า 300,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ
“พัฒนาเมือง” ส่งเสริมให้เกิดศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ที่เร่งให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อย่างมีศักยภาพ รองรับระบบคมนาคม การค้า โลจิสติกส์ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักลงทุน นักเดินทางเพื่อธุรกิจหรือนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
“พัฒนาประเทศ” ยุทธศาสตร์การลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล มีเป้าหมายในการร่วมพัฒนาประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ยกระดับประเทศให้มีรายได้ต่อครัวเรือนให้สูงขึ้น ต่อยอดให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค อีกทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ก้าวไปข้างหน้าและสร้างความแตกต่างด้วยแม่เหล็กที่เป็นศิลปะวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของแต่ละท้องถิ่นในรูปแบบ Community-based tourism and sustainable tourism ปั้นเมืองรองให้โดดเด่น กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วยงบสนับสนุนชุมชนทั่วประเทศกว่า 400 ล้านบาทต่อปี ปักธงไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก
กลุ่มเซ็นทรัล พร้อมและยินดีสนับสนุนทุกภาคส่วนในการส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศ โดยใช้จุดแข็งในฐานะผู้นำค้าปลีกและบริการระดับสากล ภายใต้ความรู้ความเชี่ยวชาญที่มี ประกอบกับทีมบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และความแข็งแกร่งของลอยัลตี้แพลตฟอร์ม The 1 ในการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภค เพื่อใช้ในขยายการลงทุนไปยังหัวเมืองหรือเมืองรองต่างๆ ด้วยการยึดมั่นเจตนารมณ์แห่งการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
กลุ่มเซ็นทรัล เชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกฝ่ายในการร่วมมือกัน ลงมือทำเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างเมืองให้น่าอยู่ พัฒนาให้เป็นเมืองต้นแบบ จะสามารถต่อยอดไปสู่พื้นที่โดยรอบ เพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนโดยคงไว้ซึ่งคุณค่าและเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม