เซ็นทรัลพัฒนา จัดหนักไตรมาส 4 ปลุกกำลังซื้อนักช้อปทั่วโลก

07 ก.ย. 2566 | 08:59 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ย. 2566 | 09:12 น.

“เซ็นทรัลพัฒนา” ชูกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ดึงแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 10 แบรนด์เติมแม็กเน็ตดึงนักช้อป พร้อมปูพรมอีเว้นท์ปลุกกำลังซื้อนักท่องเที่ยวทั่วโลก มั่นใจดันยอดขายโค้งท้ายคึกคัก

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน การตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลยุทธ์การทำตลาดในครึ่งปีหลัง เซ็นทรัลเวิลด์เดินหน้าภายใต้กลยุทธ์ The Magnitude of World Phenomenon โดยมุ่งมั่นเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ

โดยจะมีร้านแบรนด์ดังระดับโลกเข้ามาเสริมทัพ เปิดตัวไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ทั้งในหมวดอาหาร แฟชั่น กีฬาและอุปกรณ์กีฬา ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย แบรนด์ที่ปรับโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่ และ Flagship store in Thailand ตอกย้ำการเป็น Global destination อาทิ การเปิดของ NITORI Flagship Store ร้านเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยแนวคิด “มอบความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้คนทั่วโลก”

เซ็นทรัลพัฒนา จัดหนักไตรมาส 4 ปลุกกำลังซื้อนักช้อปทั่วโลก

ซึ่งปัจจุบัน NITORI มีมากกว่า 900 สาขาใน 5 ประเทศและภูมิภาค เลือกปักหมุดเปิดสาขาแรก NITORI ในประเทศไทยด้วยโลเคชั่นที่ดีที่สุดใจกลางเมือง เป็นศูนย์กลางของย่านที่ผู้คนเลือกมาใช้ชีวิต ทั้งช้อปปิ้ง กินดื่ม และเป็นย่านการค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญของเมืองและประเทศ และจะขยายสาขาต่อไปกับเซ็นทรัลพัฒนา ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต ช่วงเดือนธันวาคมนี้

นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการสร้างปรากฏการณ์อีเว้นท์ระดับประเทศ-ระดับโลก Signature ที่เป็น First-time ever ไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดมาก่อน ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 “The Real Global Landmark” อาทิ การเปิดตัวครั้งแรกในไทยของ POP MART ผู้นำด้านป๊อปคัลเจอร์จากจีน, งานแสดงกันดั้มสุดยิ่งใหญ่ “GUNDAM Docks at THAILAND” พร้อมกันดั้มสูงกว่า 6 เมตร

งาน Thailand Coffee Hub เทศกาลดนตรี Melody of Life, งาน YWCA จำหน่ายสินค้าโดยร้านค้าจากสถานทูตในไทย, เทศกาลเปิดไฟต้นคริสต์มาส และงานเคานท์ดาวน์ส่งท้ายปีสุดยิ่งใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวไทยไตรมาสสุดท้ายของปีให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทำให้เชื่อมั่นว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะกลับมาคึกคักกว่าทุกปีที่ผ่านมา

เซ็นทรัลพัฒนา จัดหนักไตรมาส 4 ปลุกกำลังซื้อนักช้อปทั่วโลก

“เซ็นทรัลเวิลด์ เป็น The Real Global Landmark ที่ดึงดูด แบรนด์ดังต่างๆทั่วโลก ด้วยความเป็น Lifestyle brand ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม เข้าถึงทุก Target หลากหลายระดับ ที่ผ่านมา เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นจุดเริ่มต้นของหลายแบรนด์ดังที่เปิดสาขาแรกในไทย และตอนนี้ได้ขยายสาขาไปทั่วประเทศกับเซ็นทรัลพัฒนาด้วย Ecosystem ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแบรนด์ทั่วโลกที่เปิดสาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ อาทิ Uniqlo, Haidilao, Tsuta, Kate Spade , Marc Jacobs, MLB ,AAPE, Takeo Kikuchi, Suit Select, Pandora , H&M Home เป็นต้น

นายณัฐกิตติ์ กล่าวอีกว่า คีย์ซัคเซสของเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ตอกย้ำความเป็นเดสติเนชั่นของแบรนด์ระดับโลก ได้แก่

1. โลเคชั่นที่ดี ทำให้มีทราฟฟิคที่ดี ภายใต้กลยุทธ์ด้านโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และราชประสงค์เป็นย่านการค้าและท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีคนสัญจรกว่า 6 แสนคนต่อวัน เป็นศูนย์กลางธุรกิจและเป็นจุดหมายปลายทางของคนทั่วโลก เทียบชั้นย่านดังอย่าง Times Square New York, Oxford street และ Ginza ญี่ปุ่น

เซ็นทรัลพัฒนา จัดหนักไตรมาส 4 ปลุกกำลังซื้อนักช้อปทั่วโลก

ทำให้เซ็นทรัลเวิลด์มีทราฟฟิคเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 120% จากปี 2562 ที่มีทราฟฟิค ราว 1.5 แสนคนต่อวันเป็น 1.8-2 แสนคนต่อวัน แบ่งเป็น คนไทย 65% และ ต่างชาติ 35% นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการมากที่สุดคือ Southeast Asia ได้แก่ จีน/ฮ่องกง /มาเลเซีย / สิงคโปร์/India/ Middle East โดย 83% เป็นกลุ่ม FIT (Free Independent Traveler)

2. ทีม B2B Marketing ที่แข็งแกร่ง ทำให้นำเสนอโซลูชันครบวงจร ที่สนับสนุนการดำเนินงานของร้านค้า ทั้งการ Drive Sale, Drive Traffic, Drive Shopper Engagement ด้วยเครื่องมือ CRM เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพใช้จ่ายได้อย่างตรง Target ตรง Lifestyles จึงเป็นเหตุผลที่ Global Lifestyles Brand ทั่วโลก เลือกเป็นสถานที่เปิดตัวแบรนด์ดังทั้งในไทยและแบรนด์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

3. การได้รับการยอมรับให้เป็น Top of Mind ของพาร์ทเนอร์แบรนด์ดังระดับโลก รวมแบรนด์ดังที่มารวมตัวกันกว่า 3,000 แบรนด์

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,919 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2566