‘ตรุษจีน’สะพัด 5 หมื่นล้าน ราคาอาหารสด-แห้งพุ่ง ท่องเที่ยวคึก โรงแรมเต็ม
“ตรุษจีน”คึกคัก หอการค้าไทยคาดเงินสะพัดเฉียด 5 หมื่นล้าน เติบโต 10% จากคนไทยเชื้อสายจีนจับจ่ายซื้อสินค้าเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ท่องเที่ยว ขณะที่สินค้าอาหารสด อาหารแห้งจ่อขึ้นราคาถ้วนหน้า นักท่องเที่ยว ทะลักทั้งเชียงใหม่ นครสวรรค์ หาดใหญ่
“ตรุษจีน” ถือเป็นเทศกาลสำคัญของคนไทยเชื้อสายจีน ที่คาดว่าจะสร้างการจับจ่ายและเม็ดเงินสะพัดจำนวนมาก ทั้งการซื้อสินค้าเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ การพบปะญาติพี่น้องร่วมฉลองเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลให้กับชีวิตหลังจากที่ต้องทำงานหนักมาตลอดทั้งปี
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า ในปี 2567 จะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนทั่วประเทศราว 49,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีเงินสะพัด 45,017 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% โดยเม็ดเงินดังกล่าวมาจากการจับจ่ายในการซื้อสินค้าเพื่อไหว้เจ้า/บรรพบุรุษ การวางแผนไปท่องเที่ยว ขณะที่ผู้บริโภคบางส่วนยังกังวลเรื่องของราคาสินค้าที่แพงขึ้น
“ฐานเศรษฐกิจ” ลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าทั้งของไหว้ อาหารสด อาหารแห้ง ในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ที่พบว่าผู้บริโภคบางส่วนทยอยซื้อสินค้าในกลุ่มเครื่องเซ่นไหว้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน และของใช้จำเป็นในช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว โดยนายเก่งกาจ ศุปต์อัครภิญโญ กรรมการสมาคมตลาดสดไทย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเจ้าของตลาดเสนีย์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2567 โดยภาพรวมบรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างซบเซาไม่คึกคักเท่าที่ควร กำลังซื้อน่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20%
เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากผลกระทบต่อเนื่องของโควิด-19 ที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว รายได้ยังไม่กลับมาเต็มที่ รวมถึงค่าครองชีพในปัจจุบันที่สูงขึ้น โดยสมาคมตลาดสดไทยและสมาชิกรวมถึงตลาดเสนีย์ ได้ร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขอความร่วมมือกับพ่อค้าแม่ค้าในทุกภาคส่วน ให้ขายสินค้าในราคาที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ตามปกติ เช่น ไก่ต้มสุกต้องไม่เกิน 125 บาท/กิโลกรัม ชุดไหว้เจ้าควรมีราคา 99 บาท/ชุด เป็นต้น
สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในช่วงตรุษจีนส่วนใหญ่จะเป็นของสด และที่ขาดไม่ได้คือผัก ผลไม้ สินค้าส่วนนี้มาจากตลาดไทและตลาดสี่มุมเมืองเป็นหลัก ราคาจะขยับขึ้นตั้งแต่ต้นทางผ่านพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง เมื่อสินค้าถูกนำเข้ามาขายตามแผงในตลาดราคาจะบวกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10-20% ถูกกว่าร้านค้าพ่อค้าแม่ค้าแผงลอย ที่มักจะบวกกำไรสูงเกินจริง
“สมาชิกในสมาคมส่วนใหญ่จะเป็นตลาดสดระดับกลาง กลุ่มผู้บริโภคหรือลูกค้าจะอยู่ในลักษณะลูกค้ากึ่งประจำ เราพยายามควบคุมราคาสินค้าให้ได้มากที่สุด แต่ก็สามารถควบคุมได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะราคาสินค้ามักจะขยับขึ้นตามเทศกาลต่าง ๆ ทุกปี เป็นไปตามกลไกของตลาดและความต้องการสินค้า”
ขณะที่พ่อค้าขายผลไม้ใน “ตลาดประชานิเวศน์” กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปกติราคาสินค้าในช่วงตรุษจีนจะเริ่มสูงขึ้นทันทีตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เช่น ผลไม้จะเฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 20% หรือมากกว่านั้นทุกประเภท เช่น ชมพู่ราคา 60 บาท/กิโลกรัม จะเพิ่มขึ้นเป็น 80-90 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ ราคานี้พ่อค้าแม่ค้าไม่ได้กำหนดเองแต่ดีดตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นทางจากตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง และจะพุ่งสูงขึ้นอีก 50% ในช่วง 3 วันก่อนถึงวันจ่ายและวันไหว้ และค่อยๆ ลดราคาลงเป็นปกติหลังจากหมดเทศกาล แต่ภาพบรรยากาศการจับจ่ายของลูกค้าในปีนี้ถือว่าเงียบมาก เงียบกว่าปีที่มา แม้จะเป็นช่วงเทศกาลก็ตาม
เช่นเดียวกันกับเจ้าของร้านอาหารในเขตประชานิเวศน์ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ให้ข้อมูลว่า บรรยากาศของเศรษฐกิจยังคงซบเซา กำลังซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลงมากจากปีที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ค้าก็ไม่มีเงินหมุนเวียน แม้จะได้รัฐบาลใหม่มาบริหารงานแต่กลับสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ทำให้ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เงียบเหงาพอสมควร และพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็ต่างเริ่มส่งสัณญาณบอกล่วงหน้าไว้แล้วว่าตรุษจีนสินค้าจะปรับราคาสูงขึ้นอีก 10% เป็นอย่างน้อย แม้ภาครัฐจะออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าก็ไม่ทันการณ์ ดักทางไม่ทันเกมพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะราคาเนื้อสัตว์ทุกประเภท อย่างหมู เป็ด ไก่ และผลไม้ที่จำเป็นต้องมี เช่น แก้วมังกร ส้ม องุ่น ชมพู่ รวมถึงขนมเป๊ะ ขนมเทียน ขนมเข่ง
ด้านนายไพศาล สุขเจริญ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) กล่าวว่า สถานการณ์โรงแรมในช่วงเทศกาลตรุษจีนของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังเป็นตลาดที่สำคัญ และเดินทางเข้ามาเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน ห้องพักถูกจองแล้ว 90% อีกทั้งปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีน มองประเทศไทยดีขึ้นมากความเชื่อมั่นกลับขึ้นมาได้ 80%
“บรรยากาศการท่องเที่ยวเชียงใหม่ เทียบก่อนโควิด คึกคักกลับมาแล้ว 90% ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนมีประมาณ 20% ช่วงนี้น่าจะขยับขึ้นมา 30-40% ห้องพักที่จองกับโรงแรมตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนก็ขยับขึ้น คาดว่าเงินจะสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนห้องพักกว่า 3 หมื่นห้อง ถูกจองไปแล้ว 80-90%”
นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนของหาดใหญ่-สงขลา ว่า ดูจากยอดจองห้องจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพิ่มขึ้น เนื่องจากตรงกับช่วงการปิดภาคเรียนของประเทศมาเลเซีย โดยวันนี้จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหาดใหญ่-สงขลาใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์โควิดแล้ว และล่าสุดจะมีเที่ยวบินเหมาลำจากเฉิงตู (จีน) จำนวน 3 เที่ยว โดยหลักๆ ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางไปที่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
“ทางสายการบินไลอ้อนแอร์แจ้งมาว่ามีเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำช่วงตรุษจีนจากเฉิงตูเข้ามา ต้องมาดูว่าโปรแกรมที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะแวะหาดใหญ่หรือไม่ หรือจะตรงไปเกาะหลีเป๊ะเลย การที่มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนเข้ามา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีว่าอย่างน้อยได้มีโอกาสเปิดตลาดจีนด้วย
ขณะที่นางนงเยาว์ จิรันดร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานหาดใหญ่ กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่-สงขลา ปีนี้ มาเลเซียหยุดประมาณ 1 เดือน (วันที่ 9 - 29 ก.พ.2567) คาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าหาดใหญ่-สงขลา เชื่อว่าตรุษจีนปีนี้น่าจะคึกคักมากขึ้น จากการตรวจสอบจากโรงแรมหลายๆ แห่ง ที่มีการจองกันเกือบเต็มแล้ว โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย จะเดินทางเข้ามาหลังจากวันไหว้ จึงคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาหาดใหญ่-สงขลา จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา
สอดรับกับนายอนันต์ ชำนาญโลหะวานิช ประธานหอการค้าจังหวัดนครสวรรค์ ที่กล่าวว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีน จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 108 ในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2 -3 หมื่นคนต่อวัน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 ต่อหัวต่อคน เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้นักท่องที่ยวค่อนข้างเยอะทั้งในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง อีกทั้งการจัดงานต่อเนื่องตลอด 12 วัน ขบวนแห่เจ้าพ่อ เจ้าแม่ปากน้ำโพ และการจัดงานช่วงกลางคืนในรูปแบบ Festival Night Parade จะเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นด้วย