รักษ์โลก "ไทยเบฟ" ปรับใหญ่เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ ใช้ขวด rPET ไตรมาส 4

27 ก.พ. 2567 | 22:09 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2567 | 03:14 น.

ไทยเบฟ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน เตรียมนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด rPET มาใช้ในกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ ในกลุ่ม Non-Alcoholic ตั้งเป้าเริ่มใช้ภายในไตรมาส 4 นี้

นางต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo กล่าวว่า เราได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การลดปริมาณขยะพลาสติกและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน การใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET  เป็นการนำขวดพลาสติก PET กลับมาแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกใหม่ เพื่อนำมาผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดปริมาณขยะพลาสติก

ไทยเบฟเวอเรจ (มหาชน) หรือ "ไทยเบฟ" จะนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด rPET มาใช้ในกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ ในกลุ่ม Non-Alcoholic ตั้งเป้าเริ่มใช้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567 นี้เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขไฟเขียวให้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารได้อย่างเป็นทางการ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปริมาณขยะ และสร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหาร

รักษ์โลก \"ไทยเบฟ\" ปรับใหญ่เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ ใช้ขวด rPET ไตรมาส 4

โดนนโยบายนี้เปิดโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการสามารถใช้วัสดุรีไซเคิลผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างรายได้และลดต้นทุน

ในปี 2567 ไทยเบฟเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ "สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน" มุ่งสู่การเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลก เน้นสร้างธุรกิจเติบโตควบคู่กับการส่งเสริมด้วยห่วงโซ่คุณค่า ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก สู่ความยั่งยืน ประกอบไปด้วย

  • ภายในองค์กร : มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการเกษตรยั่งยืน และพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงาน
  • ความร่วมมือกับพันธมิตร : ร่วมสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน พัฒนาชุมชน และส่งเสริมการดื่มอย่างรับผิดชอบ
  • แพลตฟอร์มสาธารณะ : ผลักดันวาระความยั่งยืน แบ่งปันองค์ความรู้ และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ

ซึ่งไทยเบฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการ "สืบสาน รักษา และต่อยอด" เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน อีกทั้งยังมุ่งมั่นสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ทั้งทางตรงและทางอ้อมภายในปี 2583 ผ่านกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่ครอบคลุมในแต่ละด้าน ได้แก่

  • ด้านสิ่งแวดล้อม ไทยเบฟตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ลดอัตราการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ และคืนน้ำสู่ธรรมชาติ 100% alongside with เพิ่มสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลในขวดพลาสติก PET

รักษ์โลก \"ไทยเบฟ\" ปรับใหญ่เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ ใช้ขวด rPET ไตรมาส 4

  • ด้านสังคม ไทยเบฟมุ่งเน้นเพิ่มระดับความผูกพันของพนักงาน มุ่งสู่ยอดขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 80% ภายในปี 2573
  • ด้านธรรมาภิบาล ไทยเบฟกำหนดให้คู่ค้ามีจรรยาบรรณ และร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย (TSCN) พัฒนาคู่ค้า

โดยที่ผ่านมาไทยเบฟ เดินหน้าสร้างชุมชนยั่งยืน ร่วมมือกับเทศบาลท้องถิ่นและพันธมิตร ริเริ่ม “โครงการสมุยโมเดล” เก็บขวดแก้วกลับมารีไซเคิล สร้างรายได้ให้ผู้ค้าขวดเก่า 10 ล้านบาทต่อปี ขยายผลสู่เกาะสีชัง เกาะล้าน และเกาะเสม็ด ส่วนด้านช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไทยเบฟ จัดโครงการ “ไทยเบฟ รวมใจต้านภัยหนาว” แจกผ้าห่ม 200,000 ผืนต่อปี ผลิตจาก rPET 30.4 ล้านขวด ริเริ่มโครงการ “จากผู้รับ สู่ผู้ให้” เชิญชวนชุมชนนำขวดพลาสติกมารีไซเคิล ผลิตเป็นผ้าห่ม

ส่งเสริมผ้าขาวม้าไทย โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 235 ล้านบาท รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มสาธารณะ ไทยเบฟ เป็นผู้ริเริ่มจัดงาน Sustainability Expo (SX) ประจำปี ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” เชื่อมต่อเครือข่ายด้านความยั่งยืนจากภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม

ไทยเบฟยังตอกย้ำความเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลก คว้าคะแนนสูงสุด 91 คะแนนจาก 100 คะแนนในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลกจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ประจำปี 2023 เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันผลการประเมิน DJSI ปี 2023 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยเบฟ ในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยได้รับคะแนนสูงสุดในมิติการกำกับดูแลและเศรษฐกิจ รวมถึงมิติสังคม และได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับสองในมิติสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังเข้าร่วมการรายงานด้านการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และการรายงานด้านน้ำ (Water Security) ของ Carbon Disclosure Project (CDP) ซึ่งเป็นการรายงานด้าน Climate Change ที่ได้รับการยอบรับมากที่สุดทั่วโลก โดยได้รับคะแนนประเมินในระดับ A- ในทั้ง 2 หมวด

นางต้องใจ กล่าว อย่างไรก็ตามไทยเบฟ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และสร้างประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน