นางกนกกัญจน์ มธุรพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงหา ฟู้ด อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเอพริล เบเกอรี่ (April’s Bakery) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คาดว่าตลาดเบเกอรี่หรือขนมอบในปีนี้จะมีมูลค่าราว 47,336 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 50,493 ล้านบาท ในปี 2568 สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรม
โดยปัจจัยบวกที่ทำให้เบเกอรี่เติบโตได้แก่ ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของผู้บริโภคยุคใหม่โหยหาความสะดวก รวดเร็ว เบเกอรี่จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับมื้อรองท้อง ยามว่าง หรือมื้อเร่งด่วน ประกอบกับกระแสโซเชียล การแชร์ประสบการณ์การทานอาหารบนโลกออนไลน์ กลายเป็นแรงผลักดันให้ผู้บริโภคแสวงหาร้านและเมนูใหม่ๆ จึงทำให้เบเกอรี่อยู่ในกระแสอยู่เสมอ
ส่วนปัจจัยลบที่มีผลต่อการเติบโตคือ กำลังซื้อของผู้บริโภคต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ปานกลางและน้อย เผชิญกับแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งรายได้จากภาคเกษตรที่ชะลอตัว ส่งผลต่อ กำลังซื้อที่มีจำกัดลง ทำให้ลดการบริโภคเบเกอรี่ลง หันไปใช้จ่ายกับสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันแทน
ปัจจุบันดำเนินธุรกิจ 5 บริษัท ได้แก่
1. บริษัท สิงหาฟู้ด อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้ผลิตสินค้าเปี๊ยะ-เบเกอรี่-รับจ้างผลิต OEM มีทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ เอพริล เบเกอรี่ จำหน่ายพายและขนมเปี๊ยะ, Ornzon-จัดจำหน่ายน้ำจิ้มแจ่ว-น้ำยำ- น้ำปลาร้า-น้ำจิ้มซีฟู้ดทั้งในประเทศและต่างประเทศ, Breaddoughth จำหน่ายขนมปังเบเกอรี่
2.บริษัท สยาม อินโนเฮลท์ จํากัด จัดจำหน่ายอาหารเสริม-รับจ้างผลิต OEM
3. บริษัท ไทยไดมอนด์ฟูด จํากัด ผู้ดูแลบริหารจัดการร้าน แฟรนไชส์-สินค้า OEM ประเภทกาแฟคาเฟ่ มีแบรนด์ Creamcoat ร้านขนมเค้ก
4. บริษัท มณี 2015 จำกัด ดูแลร้านอาหารวนิดา
5. บริษัท เดอะ เมคโอเวอร์ บิวตี้ บาร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เวชสำอางแบรนด์ “โรเนต” นำเข้าจากประเทศเกาหลี
ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในฮ่องกง สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม และได้การตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในลาว กัมพูชา และเวียดนาม และปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะส่งออกไปยัง 3 ประเทศนี้เป็นหลัก และมีแผนขยายโรงงานเพิ่ม 1 แห่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ ด้วยงบลงทุน 70 ล้านบาท จากปัจจุบันที่เอพริล เบเกอรี่ มีโรงงานทั้งสิ้น 5 แห่ง ซึ่งการขยายโรงงานครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อเป้าหมายส่งออกในต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
“ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนเปิดแฟลกชิปสโตร์ร้าน “April’s Bakery” เพื่อเป็นครัวกลาง 2 สาขา ได้แก่ Cove Hill เปิดให้บริการเดือนเมษายนและเซ็นทรัล ดิ ออริจินัล สโตร์ (บางรัก) ด้วยงบลงทุน 1 ล้านบาท/สาขา ซึ่งทำเลจะเลือกเปิดแถวเจริญกรุง เนื่องจากใกล้แหล่งโรงแรม และเอเชียทีค สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้การเปิดกลัวกลางสามารถสร้างประสบการณ์ ลูกค้าได้เห็นวิธีทำขนม ได้ทดลองชิม จนสร้างความมั่นใจในรสชาติให้กับลูกค้า จนเกิดการตลาดแบบปากต่อปากได้”
นอกจากนี้จะแตกไลน์น้ำจิ้มสูตรใหม่ที่สามารถอยู่ข้างนอกได้นานโดยที่ไม่ต้องแช่เย็น มีอายุ 6-12 เดือน และมีแผนขยายตลาดในต่างประเทศ พร้อมกับการหาสินค้าใหม่เพิ่มความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันเอพริลฯมี 12 สาขาหลัก อาทิ เซ็นทรัลพระราม 3, เซ็นทรัลพระราม 9, เทอมินอล21, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน, เอ็มควอเทียร์ และสยามพารากอน ฯลฯ
นอกจากยังมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 28 ทั่วประเทศไทย ตอนนี้เอพริลฯเน้นการทำตลาดรูปแบบออนไลน์ใน ช้อปปี้,ลาซาด้า,ติ๊กต๊อก, Facebook, อินสตาแกรมและไลน์ ออฟฟิเชียล อีกทั้งยังมีการคอลแลปส์กับแบรนด์ขนมอย่างโอวัลตินเพื่อสร้างขนมรสชาติใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับผลประกอบการของสิงหา ฟู้ด อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) ในปี 2564 มีรายได้รวม 122 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้รวม 439 ล้านบาท ปี 2566 มีรายได้รวม 660 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15% โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 20% พร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2570
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,982 วันที่ 11 - 13 เมษายน พ.ศ. 2567