ค้าปลีก‘รามคำแหง’ร้อนฉ่า เซ็นทรัล-เจมาร์ทชิงกำลังซื้อ

“รามคำแหง” กลายเป็นทำเลทองที่ดีเวลลอปเปอร์ให้ความสนใจและกลับมาลงทุนอย่างคึกคักอีกครั้ง  หลังการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี แล้วเสร็จ แม้จะยังไม่เปิดใช้บริการซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า แต่ด้วยเครือข่ายการคมนาคมที่สะดวก หลากหลายและการขยายตัวของชุมชน ทำให้ย่านรามคำแหง กลายเป็นหมุดหมายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ที่แห่เข้ามาลงทุนมากหน้าหลายตา

แจส กรีน วิลเลจ เดสติเนชั่นใหม่

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ในเครือ เจมาร์ท เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังผ่านพ้นช่วงโควิดมาได้ ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจรีเทลดุเดือดมากขึ้น แต่ละแบรนด์ก็มีเป้าหมายและภารกิจที่ต้องขยายสาขา ขยายไปในเส้นหลักๆ เหมือนกัน บางพื้นที่เหมือนเราจะหันหลังชนกันอยู่แล้ว แต่มองเป็นข้อดีในมุมของผู้บริโภคจะได้มีทางเลือกมากขึ้น การแข่งขันที่ดุเดือดถือเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายในรูปแบบหนึ่ง โซนรามคำแหงเองก็เช่นกัน เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายรายวางแผนมาปักหลักก่อนที่รถไฟฟ้าสายสีส้มจะเปิดให้บริการ ถือเป็นการขยายตามความเจริญของเขตที่อยู่อาศัย เพื่อการเติบโตในอนาคต ตลาดที่มีการแข่งขันมากขึ้น จึงต้องสร้างความแตกต่างเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

 

สำหรับ “แจส กรีน วิลเลจ รามคำแหง” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขาย 5,000 ตร.ม. พื้นที่อาคารสำนักงาน 5,000 ตร.ม. ถือเป็นโครงการใหญ่ที่พร้อมเจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เป็นโมเดลใหม่ของ แจส กรีน วิลเลจ ซึ่งมีความมุ่งมั่นเจาะกลุ่มลุกค้าครอบครัว คู่รักในเขตชุมชน เพื่อครอบคลุมทุกเจนเนอเรชั่น ซึ่งในโซนพื้นที่รามคำแหง และพื้นที่ใกล้เคียงถือเป็นแหล่งชุมชมที่มีนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน ทำให้เหมาะกับโมเดลธุรกิจดังกล่าว หวังให้เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของคนในพื้นที่

ปัจจุบัน แจส กรีน วิลเลจ มี 6 สาขาและมีแผนขยายสาขาเพิ่ม 3 สาขา โดยภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 9 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 7 สาขา ต่างจังหวัด 2 สาขา คือชลบุรี และขอนแก่นที่เตรียมเปิดในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งความพิเศษของการขยายสาขา แจส กรีน วิลเลจ ในปีนี้คือ สาขาใหม่ที่นอกจากจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์แล้วยังถือเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่จะมีพื้นที่สำนักงานให้เช่า และโรงแรมร่วมด้วย พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของกำไรในสัดส่วน 25% ในปี 2567

 

โก โฮลเซลล์ เขย่าค้าส่ง

อีกกลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ คือ “เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ CRC ที่หลังจากเปิดตัวและประกาศแผนสปีดการลงทุนในซีกค้าส่งเต็มตัว ล่าสุดเตรียมเปิดให้บริการ “โก โฮลเซลล์” (GO Wholesale) สาขาใหม่บนถนนรามคำแหง ซึ่งตั้งอยู่ปากซอยรามคำแหง 127 ด้วยเป้าหมายรองรับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ขนาดเล็ก ในย่านรามคำแหง และใกล้เคียง ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงทำเลดังกล่าวเป็นที่ตั้งในเขตที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น เป็นการวางหมากรับกลุ่มลูกค้าครอบครัวคนรุ่นใหม่ โดยจะเปิดให้บริการในวันที่ เม.ย นี้

โดย “โก โฮลเซลล์ สาขารามคำแหง 127” ตั้งอยู่บนทำเลที่โดดเด่น บนถนนรามคำแหง แหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ที่มีผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีก โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งสาขานี้มีพื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม. จำหน่ายสินค้าหลากหลายกว่า 1.5 หมื่นรายการ ครอบคลุมวัตถุดิบอาหาร ของใช้ในครัวเรือน อุปกรณ์ประกอบการร้านอาหาร ด้วยจุดเด่นสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัด บริการที่รวดเร็ว พร้อมทั้งโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการเพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าประสบความสำเร็จ

 

การเข้ามาขยายโก โฮลเซลล์ เป็นไปตามแผนงานที่มุ่งเป็นทางเลือกใหม่ หรือ The New Choice for All สำหรับผู้ประกอบการทุกกลุ่ม และตลอดห่วงโซ่ธุรกิจตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มสร้างธุรกิจ เพื่อร่วมผลักดันพาร์ตเนอร์ทุกรายเติบโตไปพร้อมๆ กัน และมุ่งหมายไปสู่การเป็น King of Food โดยโก โฮลเซลล์ เตรียมใช้งบลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท ในการขยายการลงทุนโดยตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาครบ 50 สาขาภายใน 5 ปี จากปัจจุบันที่มีสาขารวมทั้งสิ้น 8 สาขา ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด

แน่นอนว่า งานนี้ “แม็คโคร” เองที่มีทั้งแม็คโคร ฟู้ด เซอร์วิส ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสัมมากร เพลส หน้าหมู่บ้านสัมมากร ย่อมร้อนๆ หนาวๆ

เนเบอร์ฮูดมอลล์ ตอบโจทย์ชุมชน

ขณะเดียวกันก่อนหน้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ซีอาร์ซี” เองก็เพิ่งเปิดตัว “ท็อปส์ ราษฎร์พัฒนา” โมเดลสแตนด์อะโลนรูปแบบเนเบอร์ฮูดมอลล์ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าในย่านชุมชน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยมิสทิน (ถนนราษฎร์พัฒนา) ด้วยพื้นที่ราว 4 ไร่หรือกว่า 6,400 ตร.ม. จำหน่ายสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 2 หมื่นรายการ ไฮไลท์ของท็อปส์ ราษฎร์พัฒนา มีโซนสินค้าอาหารฮาลาล ออกแบบด้วย Customer Data Driven รองรับลูกค้าชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ ร้านบิวตี้คอร์นเนอร์ บริการด้านความงามครบวงจร และ Pet Lovers Centre ร้านขายอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการแวะจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภค-บริโภคได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

ซึ่งนายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล ให้เหตุผลในการเปิดสาขานี้ว่า เพราะท็อปส์มองเห็นกำลังซื้อของผู้บริโภคและทำเลที่ตั้งกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกที่ยังมีการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากกว่า 2 หมื่นครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มหมู่บ้านจัดสรรราคาสูง นอกจากนี้ยังมีจุดเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญอย่างถนนตัดใหม่ ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ที่ช่วยให้สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบาย

ปัจจุบันท็อปส์มีจำนวนสาขาทั้งหมด 677 แห่ง แบ่งเป็น ท็อปส์ 143 สาขา ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 17 สาขา ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด 2 สาขา และท็อปส์ เดลี่ จำนวน 515 สาขา ซึ่งท็อปส์ ราษฎร์พัฒนา นับเป็นสแตนด์อะโลนสาขาที่ 6 ที่ถูกต่อยอดจากการเรียนรู้และทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างแม่นยำ

 ลิตเติ้ล วอล์ค จ่อขยับแผนลงทุน

อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่เข้ามาลงทุนในโซนรามคำแหง คือ “LITTLE WALK” โดยบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ซึ่งก่อนหน้านี้เปิดโครงการ LITTLE WALK สาขากรุงเทพ-กรีฑา ซึ่งเป็นสาขาที่ 4 ในช่วงไตรมาส 4 ปี 66 ที่ผ่านมาโดยทุ่มงบกว่า 150 ล้านบาท บนพื้นที่ขาย 5,300 ตร.ม. ปั้นไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์โซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ตอบโจทย์คอมมูนิตี้การอยู่อาศัยสู่การใช้ชีวิตชานเมืองที่สมบูรณ์แบบอย่างลงตัว ขณะที่การลงทุน “LITTLE WALK” สาขารามคำแหง จากเดิมที่มีแผนจะเปิดในไตรมาส 3 ของปีนี้ อาจต้องขยับออกไปเพราะการพัฒนาที่ดินยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งอาจต้องรอจังหวะและรอดูคู่แข่งที่เกิดขึ้นใหม่ในย่านนี้ด้วย

ขณะที่การเข้ามาของบิ๊กเนม รายใหญ่ นอกจากจะผลักดันทำให้ราคาที่ดินในโซนรามคำแหงพุ่งขึ้น ล่าสุดยังปลุกให้ยักษ์ค้าปลีกในย่านดังกล่าว ต้องลุกขึ้นมาขยับตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็น เดอะ พาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง ที่มีแม็กเน็ตหลักอย่างสตาร์บัคส์ และวิลล่า มาร์เก็ต พร้อมกับเป็นศูนย์รวมติวเตอร์และศูนย์พัฒนาทักษะสำหรับเด็ก ล่าสุดเตรียมตัวรีโนเวทครั้งใหญ่อีกครั้ง เช่นเดียวกับ “บิ๊กซี” ที่ปัจจุบันถูกบ่อยให้ทรุดโทรม แต่จากการเข้าไปสอบถามล่าสุดพบว่า มีแผนจะรีโนเวทเร็วๆ นี้