หลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้ง “ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ” ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยเป็นสมัยที่ 2 โดยมีวาระการบริหารงาน 2 ปี ระหว่างปี 2567 – 2569 ต่อเนื่องจากวาระแรกที่ครบกำหนดในเดือนเมษายนนี้
“ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ” นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงพันธกิจในการเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่ 2 ว่า การดำรงตำแหน่งนายกสมาคมการตลาดเป็นสมัยที่ 2 ( 2567-2569 ) นี้ตั้งเป้าหมายที่จะ "ยกระดับ" บทบาทของสมาคมฯ จากที่เคยเป็นเพียง "Platform" หรือพื้นที่ให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการตลาด ให้กลายเป็น "Marketing Accelerator" ที่จะผลักดันให้การตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ
ไม่ใช่แค่นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ต้องสร้างแนวทางปฏิบัติที่ได้ผลจริงในอนาคตของโลกธุรกิจ จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน องค์กรธุรกิจไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็ก สมาคมวิชาชีพต่าง ๆ เครือข่ายการศึกษา และภาครัฐให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงร่วมกัน เพื่อให้เกิดพลังในการสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพของนักการตลาดไทย สู่การมี National Branding ที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้นับจากวันที่เข้ารับตำแหน่งในวาระแรกเมื่อเดือนเมษายน 2565 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจมากมาย ถือเป็นความท้าทายนักการตลาด ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบการทำการตลาด และ skillset ของบุคลากรในทุกภาคส่วน
“การมารับหน้าที่ 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าท้าทายมาก ๆ เนื่องจากพฤติกรรม ความต้องการ และความคาดหวังของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง การตลาดแบบเดิม ๆ อาจไม่นำไปสู่ผลสำเร็จที่ต้องการอีกต่อไป”
“ดร.บุรณิน” บอกว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง การดำเนินธุรกิจในรูปแบบเก่า ๆ เริ่มล้มหายตายจากอย่างเห็นได้ชัด การแข่งขันรุนแรง มีในทุกรูปแบบมากขึ้น บทบาทของสมาคมการตลาดในยุคหน้า จึงไม่ใช่แค่มุมมองใหม่ ไม่ใช่การประดิษฐ์คำพูดสวย ๆ ทางการตลาดหรือ Buzz Word แต่ต้องเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ทำได้จริง เห็นผลจริง ปรับตามสถานการณ์อย่างทันท่วงที และพร้อมแข่งขันได้ตลอดเวลา
“I will survive คือ คาถาที่ต้องท่องไว้ Create New Social Value สร้างฐานใหม่ และเศรษฐกิจใหม่ให้สังคม คือเป้าหมายของเรา”
สำหรับในปีที่ผ่านมา สมาคมได้ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้มีความพร้อมในทุกด้านที่พัฒนาส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานของนักการตลาดไทยให้เท่าเทียมกับมาตรฐานโลก โดยการติดอาวุธด้านการตลาดให้กลุ่มธุรกิจทุกขนาดไม่ว่าขนาดใหญ่หรือเล็ก อีกทั้งยังร่วมมือกับภาครัฐ
โดยสมาคมได้จัด 11 กิจกรรม 8 งานสัมมนาและล่าสุด กับงาน “World Marketing Forum ครั้งที่ 3” สุดยิ่งใหญ่ ที่สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand) เป็นเจ้าภาพร่วมกับสหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation) โดยในงานมีวิทยากรชั้นนำ 5 ทวีป ฉายภาพ “จักรวาลการตลาดยุคใหม่” ให้แก่ผู้ฟังซึ่งเป็นเจ้าของกิจการและนักการตลาดจาก 15 ประเทศทั่วโลก โดยถ่ายทอดผ่านวิทยากรชั้นนำ 30 ท่าน ใน 20 เซสชั่น ซึ่งได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและองค์กรชั้นนำทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐ
ด้านการสร้างรากฐานอันดีให้แก่ยุวชนนักการตลาด สมาคมการตลาดได้บ่มเพาะและเปิดโอกาสให้นักการตลาดรุ่นใหม่ได้พัฒนาตัวเองและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย หรือ J-MAT ซึ่งปีที่ผ่านมามีจัดกิจกรรม 4 ครั้ง เมื่อรวมทุกกิจกรรมและงานสัมมนาของสมาคมการตลาด มีผู้เข้าร่วมตลอดทั้งปีกว่า 13,000 คน
ด้านสนันสนุนนักการตลาดไทย สมาคมการตลาดได้ประสานกับองค์กรทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค ทำงานร่วมกับสมาพันธ์การตลาดแห่งเอเชียเพื่อเปิดโอกาสให้นักการตลาดไทยก้าวไปสู่เวทีโลก โดยในปี 2566 สมาคมฯ ได้นำพาองค์กรและนักการตลาดไทยไปชนะรางวัลในเวที Asia Marketing Excellence Award ในหมวด Marketing 3.0 และอีก 3 หมวดได้แก่ Asia’s Top Outstanding Women/ Youth/ Netizen Marketeer of the Year Award