นายหิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด กล่าวว่า ตลาดความงามไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 258,275 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.6% (จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางค์ไทย) สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและการฟื้นตัวของตลาดความงามไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
อีฟแอนด์บอยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของตลาดความงามไทย โดยมียอดขายในปี 2566 เติบโตขึ้นถึง 30% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากยอดขายหน้าร้าน 87% แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงนิยมการเดินเลือกซื้อสินค้าและทดลองสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ มากกว่าการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ อีฟแอนด์บอย มุ่งเน้นกลยุทธ์ดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จากข้อมูลพบว่า ลูกค้าของอีฟแอนด์บอยมีอายุน้อยกว่าแบรนด์อื่นๆ ในตลาด แบ่งเป็นสองกลุ่มหลัก ดังนี้
จากข้อมูลการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ พบว่ากลุ่มลูกค้าทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าเฉลี่ย 3 ชิ้นต่อคน สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่เน้นการซื้อสินค้าหลากหลายแบรนด์ ไม่ยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง สำหรับสินค้าที่มียอดขายเติบโตสูง พบว่าเป็นสินค้ากลุ่มสกินแคร์ เมกอัพ และน้ำหอม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกและการดูแลตนเองของผู้บริโภคในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด สินค้าที่มียอดขายสูงสุดยังคงเป็น "ลิปสติก" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลิปสติกยังคงเป็นไอเท็มสำคัญที่ผู้บริโภคขาดไม่ได้ และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยอีฟแอนด์บอยได้แบ่งสัดส่วนยอดขาย ได้แก่ สกินแคร์: 35% เมกอัพ: 33% น้ำหอม: 14% และสินค้าอื่นๆ: 18% ซึ่งสินค้าทั้งหมดมีทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ มากกว่า 100,000 รายการ
จุดเด่นของอีฟแอนด์บอย คือ การเป็นผู้นำด้าน Exclusive แบรนด์ โดยล่าสุดได้คว้า Kylie Cosmetic แบรนด์เมคอัพและน้ำหอมชื่อดังจาก Kylie Jenner มาเป็น Exclusive Brand หนึ่งเดียวในไทย ใช้เวลาดีลกว่า 3 ปี ผลักดันให้ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีสินค้า Exclusive กว่า 1,000 รายการ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% จากสินค้าทั้งหมด รวมกว่า 30 แบรนด์
นายหิรัญ กล่าวว่า “แต่เดิมลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบเคาน์เตอร์แบรนด์ ซึ่งแบรนด์ไทยไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าคนไทยเปิดรับมากขึ้น เพราะด้วยความที่สินค้ามีคุณภาพ ราคาเข้าถึงได้ ประกอบกับอีฟแอนด์บอยต้ังอยู่ในโลเคชั่นที่มีนักท่องเที่ยวเข้าถึง โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดจะมีประมาณ 25% อาทิ พัทยา ขอนแก่น โคราช หาดใหญ่ มหาสารคาม ทำให้แบรนด์ไทยได้รับความนิยมมากขึ้น ผลักดันยอดขายแบรนด์ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันอยู่ที่ 30% จากยอดขายสินค้าทั้งหมด”
ปัจจุบัน อีฟแอนด์บอยมีสาขาทั้งหมด 29 สาขาทั่วประเทศ ส่วนกลยุทธ์ที่ใช้คือการจับกระแสความงาม หรือการติดตามเทรนด์ความงามอย่างใกล้ชิด ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจะวิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาสินค้าที่กำลังมาแรง ตรงใจผู้บริโภค นำมาสู่การคัดสรรแบรนด์ดัง สินค้าใหม่ล่าสุด วางจำหน่ายบนชั้นวางสินค้าในทุกสาขา
เป้าหมายในครึ่งปปีหลังที่จะทำคือการเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ใจกลางสยามสแควร์บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “Mix Brand Category” ที่รวบรวมสินค้าหลากหลายแบรนด์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การช้อปปิ้งเครื่องสำอางในปัจจุบัน