ภก.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด เภสัชกร ผู้ผลิตและปลุกปั้นเวชสำอาง “สมูท-อี” (Smooth-E) และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก “เดนทิสเต้” (Dentiste) กล่าวว่าแผนธุรกิจในประเทศปีนี้ มีการเซ็นสัญญากับ “ลิซ่า BLACKPINK” กว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากตอนนี้ ลิซ่า BLACKPINK ถือได้ว่าเป็น Global Brand
จึงทำให้บริษัทเจาะกลุ่มต่างประเทศมากขึ้น โดยปีนี้จะเน้นทำการตลาดอเมริกามากขึ้น เนื่องจากบริษัทได้เข้าไปที่อเมริกาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยทำการตลาด ปีนี้จึงเน้นทำการตลาดมากขึ้น ผ่านพรีเซนเตอร์
ปัจจุบันส่งออกทั้งหมด 17 ประเทศทั่วโลก โดย 5 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโต 100% สำหรับต่างประเทศ เนื่องจากประสบความสําเร็จด้านแคมเปญ เช่น ประเทศญี่ปุ่นใช้งบ 18 ล้านบาท สำหรับพรีเซนเตอร์
"บริษัทให้ความสำคัญกับแบรนด์เป็นอย่างมาก ถึงกับให้นิยามว่า การมีแบรนด์ถือเป็นเครื่องพิมพ์แบงก์อยู่ที่ออฟฟิศ"
สำหรับตลาดในสหรัฐอเมริกาตอนนี้มีการเก็บข้อมูลเบื้องต้นว่าคนอเมริกาชอบยาสีฟันของเราเนื่องจากคนอเมริกาชอบกินอาหารรสจัดสินค้าของเราจึงตอบโจทย์และแก้ปัญหาเรื่องช่องปากได้ อีกทั้งยังจับกลุ่มคนเอเชียที่อยู่ในอเมริกาโดยแบ่งเป็นคน 9แสนคน, ลาว 2 ล้านคน, เวียดนาม 4 ล้านคนและเกาหลี 4 ล้านคน ส่วนกลยุทธ์ที่บริษัทจะใช้ทั้งในและต่างประเทศคือ
1.กลยุทธ์ดิจิทัลมีเดียในการเจาะกลุ่มลูกค้าแต่ละประเทศ
2.มีผู้แทนจำหน่ายที่เข้าถึงลูกค้า เช่น เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ในงานต่างๆ หรือเข้าไปอยู่วัฒนธรรมแต่ละประเทศพึ่งสร้างความพึ่งพอใจและสามารถดึงดูดลูกค้า
3.การใช้พรีเซนเตอร์ในแต่ละประเทศจะทำให้สามารถสร้างกระแส และเจาะกลุ่มฐานแฟนคลับไปในตัว
โดยปีนี้มีโปรดักส์ใหม่เกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในสิ่งที่ผู้บริโภคมองข้าม จะจับกลุ่มช่วงอายุ 40 - 60 ปี เนื่องจากช่วงอายุนี้เริ่มมีปัญหาช่องปากมากขึ้น เช่น อาการเสียวฟัน ฟันสึกกร่อน ฟันบาง และด้วยช่วงอายุ จะมีมีปัญหาเรื่องของความดันหรือโรคหัวใจ ซึ่งต้องกินยาเพื่อรักษาโรคและยาเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อช่องปาก ทำให้เกิดอาการ ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือมีปัญหาช่องปากอื่นๆ
โดยส่วนใหญ่มักมักจะเลือกรักษาหัวใจก่อนก่อนที่จะรักษาช่องปาก เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทออก โปรดักส์ใหม่ “เดนทิสเต้ รีมิน” ตอนนี้ขายในออนไลน์ พึ่งออก โดยใช้โซเชียลมีเดียและ อินฟลูเอนเซอร์ ในกานทำตลาด
สำหรับครึ่งปีแรกต่างประเทศเติบโต 20% มีสัดส่วนส่งออก 50% แบ่งเป็นเกาหลี 40% เขมร 15% ที่เหลือไปกระจายที่ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยปีนี้ตั้งเป้า4,00 ล้านบาท
ล่าสุด “เภสัชกร แสงสุข กล่าวว่า การประกาศ เปิดการเรียนการสอน “คณะเภสัชศาสตร์” หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชกรรมอุตสาหการ ระยะเวลาเรียน 6 ปีที่สามารถเลือกเรียนควบปริญญาตรีและโทเพื่อรับวุฒิ เภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) และ MBA (Master of Business Administration) ได้ในหลักสูตรเดียว และหลักสูตรนี้ได้รับความเห็นชอบและรับรองสถาบันจากสภาเภสัชกรรมแล้ว
จุดเด่น “คณะเภสัชศาสตร์” IESA เภสัชกรที่มีจิตวิญญาณ “Entrepreneur” ให้กับเภสัชกร ทำให้เภสัชกรเป็น “Pharmapreneur” (Pharmacy + Entrepreneur) ในอนาคต ความเป็น Entrepreneur หรือ ผู้ประกอบการ ไม่ได้หมายถึงการทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการมีกรอบความคิด (mindset) ที่กล้าแสวงหาการพัฒนาสิ่งใหม่ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยยกระดับการประกอบอาชีพเภสัชกรรมได้และสร้างความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ
นอกจากจุดเด่นในการสร้างเภสัชกรที่เป็นผู้ประกอบการแล้ว หลักสูตรของ IESA ยังมุ่งเน้นภาคปฏิบัติเป็นหลัก เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้หน้างานจริงตั้งแต่ช่วงแรกของการเรียน โดยหลักสูตรการเรียนการสอน 300 ชั่วโมงแรกจะมีการฝึกอบรมนักศึกษาให้เป็นผู้ช่วยเภสัชกร และหากผู้เรียนมีศักยภาพจะสามารถสมัครเป็นผู้ช่วยเภสัชกรตามสถานที่ทำงานต่างๆ เช่น โรงพยาบาล โรงงานยา ร้านขายยา ได้ตั้งแต่ 1 ปีแรกหลังเข้าเรียนกับ IESA