อุ๊งอิ๊ง ดัน Soft Power ไทยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้าน

29 มิ.ย. 2567 | 03:04 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มิ.ย. 2567 | 07:01 น.

อุ๊งอิ๊ง ดัน Soft Power ไทย ต้องสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้านบาท พร้อมชี้ 3 นโยบาย สำคัญที่รัฐบาลเวลานี้ต้องทำ ได้แก่ นโยบายการพัฒนาคน- อุตสาหกรรม-ต่างประเทศ

วันที่ 28 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวเปิดงาน THACCA SPLASH Soft Power Forum 2024 กล่าาวว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำในด้าน Soft Power งานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของนโยบาย Soft Power โดยจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างองค์ความรู้ องค์ความรู้องค์ประกอบต่างๆ

ให้กับคนที่เข้ามาในงานได้สัมผัสกับ Soft Power  11 ด้าน ที่กรรมการจัดขึ้นมาตลอดระยะเวลา 3 วันนี้ ทุกท่านจะได้พบกับการแสดงวิสัยทัศน์ และประสบการณ์จริงมาถอดบทเรียนให้เราได้ทราบว่าเวลาที่เราสร้าง Soft Power เกิดขึ้นได้ยังไงในอุตสาหกรรมที่สำคัญนี้จะเป็นครั้งแรกที่สามารถลงทะเบียนโครงการ 1 ครอบครัว 1 Soft Power เพื่อยกระดับพัฒนาศักยาภาพของตนเองในงานนี้

อุ๊งอิ๊ง ดัน Soft Power ไทยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้าน

งานนี้เราทำทั้งหมดมา 9 เดือนและสานต่อนโยบายที่จะช่วยยกระดับรายได้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย เราเชื่อเสมอว่าภูมิปัญญาของชาวบ้าน วัฒนธรรมของคนไทย ศักยภาพของคนไทยมีมูลค่าที่สูงมาก และสามารถดึงดูดความสนใจของชาวต่างชาติทั่วโลกได้

แน่นอนในสมัยก่อนจะยังไม่มีคำเรียกในสมัยชัดเจนแต่วันนี้เราเรียกว่า Soft Power ข้อดีของเราที่มีอยู่แล้วยังไม่พอเราต้องมีการเติมองค์ประกอบในเรื่องขององค์ความรู้เทคโนโลยีต่างๆ Branding และมาจากการเล่าเรื่องด้วยถ้าเราเล่าเรื่องที่ดี ทำแบรนด์ Branding ที่ดี คนที่จะรับสารก็จะรับได้ง่ายมากขึ้น แน่นอนว่าในเรื่องของกฎหมายที่มา 20 หรือ 30 ปี เราก็จะมีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ทันกับยุคสมัยพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัว 

วันนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อให้พร้อมที่จะแข่งขันได้ในเวทีโลก แน่นอนการทำนโยบายใน 20 ปีที่แล้วไม่เหมือนกันแน่วันนี้ยังเป็นสิ่งใหม่ เป็นสิ่งแรก ครั้งแรก เราก็มีโมเดลจากประเทศญี่ปุ่น อิตาลี และอีกหลายประเทศเพื่อที่จะปรับใช้ให้เข้ากับประเทศไทย

แต่มาในวันนี้เราถอดบทเรียนนั้นออกมาความสำเร็จผลงานของตัวเองเพื่อที่จะพัฒนาก้าวที่ดีกว่า และเพิ่มโอกาสในประเทศไทยมีโอกาสที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หนึ่งนโยบายที่สำคัญและประสบความสำเร็จมาก และยังใช้กันอยู่ในทุกวันนี้คือ "นโยบาย otop หนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์"

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร

ใช้วิธีคิดพัฒนาเศรษฐกิจจากรากฐานของประชาชนใน 7,000 ตำบลทั่วประเทศ นำศักยภาพ นำความความคิดสร้างสรรค์ของประชาชนและภูมิปัญญาท้องถิ่นเอามาทำเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และรัฐบาลรัฐบาลได้นำมาจัดเรตติ้งและให้ 1-5 ดาว เพื่อเป็นการการันตีคุณภาพของสินค้าเพื่อจะทำให้ชาวต่างชาติเห็นถึงผลงาน และซื้อผลงานของเราไปได้ง่ายมากขึ้น และทำให้พร้อมในการส่งออกมากขึ้น

หัวใจของ otop คือการเชื่อศักยภาพของคนไทยศักยภาพของพี่น้องรัฐมีหน้าที่สร้าง Branding บอกเล่าเรื่องสตอรี่ให้ กระตุ้นเศรษฐกิจให้ และยกระดับเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก otopเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จยาวนานไม่ว่าจะเปลี่ยนนโยบายหรือมีรัฐบาลขึ้นขึ้นมา otop ยังเป็นนโยบายที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อเนื่องมาเรื่อยตั้งแต่ปีพ.ศ 2545 และ otop นโยบายเดียวสามารถสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท ให้กับประเทศ 

นอกจากนี้ เรายังมีนโยบายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นไม่ว่าจะเป็น การทำ TCDC, TK Park และกรุงเทพเมืองแฟชั่น ซึ่ง Branding ที่ทำในวันนั้น ทำให้ไทยเกิดการสร้างแบรนด์ใหม่ๆ วันนี้แบรนด์เหล่านั้นก็ยังดำเนินอยู่เป็นการสร้างโอกาสให้กับนักออกแบบและผู้ที่มีความสามารถเปิดโอกาสเปิดช่องทางให้ได้แสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่

และอีกโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวทั่วโลก” ผลิตเชฟเกิดขึ้นมาใหม่ในยุคสมัยนั้นด้วย และสร้างอาหารไทยทั่วโลกมากขึ้นไม่น้อยว่า 20,000 ร้านทั่วโลก ในช่วงตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้ว่านโยบายที่มีความสำเร็จในตอนนั้นยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้และเราได้ถอดบทเรียนต่างๆ ทำให้ครั้งนี้เราสร้างเป้าหมายที่ใหญ่มากขึ้นมองภาพที่ชัดเจนขึ้น

“เราตั้งเป้าหมายว่า Soft Power ต้องสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้านบาท และต้องยกระดับชีวิตของคนไทยทุกครัวเรือนให้มีรายได้  200,000 บาทต่อปี”

แน่นอนว่าการสร้างทักษะแรงงานสร้างสรรค์ ไม่น้อยกว่า 20 ล้านตำแหน่ง และอาหารไทยในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก แน่นอนว่าตอนนี้มีการกระจายมวยเป็น 20,000 แห่งทั่วโลก และจะมีการแปลหนังสือของคนไทยไปหลากหลายภาษามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนเรื่องของหมอลำ T-POP และการจัดเทศกาลเราต้องได้ IP Festival ให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องปักหมุดการมาเที่ยวที่ประเทศไทย มาจอยงานเทศกาลของไทย โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้คือจุดหมายที่ Soft Power ของเราจะไปต่อ อีกทั้งจะสร้าง TCDC ทั่วทุกจังหวัด

อุ๊งอิ๊ง ดัน Soft Power ไทยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้าน

โจทย์สำคัญของรัฐบาลเวลานี้เราจะทำให้ถึงเป้าหมายได้อย่างไร

เราถอดบทเรียนจากเรื่องเดิม และปรึกษาผู้รู้มากมาย เราหาจิ๊กซอว์ที่หายไปว่าจะต้องทำ 3 สิ่งนี้เพื่อให้ Soft Power เราสำเร็จและต่อไปได้ในระยะยาวไม่มีการหยุด ไม่มีการสะดุด ได้แก่

1.นโยบายการพัฒนาคน หรือที่เราเรียกกันว่านโยบาย โครงการ 1 ครอบครัว 1 Soft Power ในการ Reskill และ Upskill ครั้งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ จะยกระดับรายได้ให้เติมแรงงานที่มีคุณภาพแรงงานที่เก่งเข้ามาในระบบมากขึ้น ซึ่งมีหลักสูตรมากมายในการอบรม เพื่อขยายความรู้ ความสามารถ ศักยภาพของคนไทยได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับพี่น้องคนไหนที่สนใจในการพัฒนาศักยภาพตัวเอง วันนี้มีการลงทะเบียน

ส่วนอุตสาหกรรมของอาหารตอนนี้เริ่มทำแล้ว จะมีโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย ต่อมาอุตสาหกรรมแฟชั่นมีหลักสูตรอบรมสอนเรื่องแฟชั่นไม่ว่าจะเป็นการแมทสี การทำการตลาด การทำ Branding การพรีเซนต์ในเรื่องของแฟชั่น ซึ่งเป็นหลักสูตรที่น่าสนใจมากๆ ตัวดิฉันได้มีโอกาสได้คุยกับทางทีมของแฟชั่น ตัวเองก็ยังอยากที่จะได้รับการเข้าหลักสูตรนี้บ้างคะ สำหรับการกีฬาเรื่องของค่ายมวยซึ่งตอนนี้ครูมวยที่จะสอน 400 แห่งเป็นหลักสูตรที่ได้ยอมรับจากสากลแล้วเพราะว่าเป็นหลักสูตรที่มาจากเอกชน

 2. นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมหรือThailand Creative culture Agency  จะเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมนโยบายเรื่องงบประมาณแล้วเพื่อไม่ให้กระจัดกระจายไปทั่ว ส่วนกฎหมายต่างๆ ในแต่ละอุตสาหกรรมที่ได้พบเจอมาเป็นระยะเวลายาวนานอย่างเช่น ภาพยนตร์ เป็นต้น

3. เป็นสิ่งสำคัญ คือนโยบายต่างประเทศ หลักที่สำคัญคือจะส่งออกสิ่งที่แต่ละประเทศต้องการให้ matching กับความต้องการเพื่อจะได้ส่งออกได้ตรงเป้าหมาย เราได้ร่วมทำงานกับคณะทูตไทยทั่วโลก ทูตพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะมอบนโยบายนี้เพื่อที่จะ matching กับสิ่งที่เรามีกับประเทศที่ต้องการนโยบาย Soft Power ที่เราทำกันอยู่ในวันนี้ หลายๆอย่างอาจจะออกผลเห็นได้ชัด หลายๆ อย่างอาจจะต้องรอถึง 10 ปี

แต่วันนี้รัฐบาลเริ่มแล้ว การทำ Soft Power ไม่มีทางลัดไม่มีสูตรสำเร็จเราต้องทำแล้วก็ปรับตัวกันพร้อมๆ กันวันนี้รัฐบาลเริ่มอย่างจริงจังที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา สำหรับวันนี้ดิฉันขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกันในวันนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานสัปดาห์นี้ น่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีและเกิดแรงบันดาลใจในทุกๆอุตสาหกรรม เรามาร่วมพัฒนาประเทศนี้ไปด้วยกัน