เขย่าตลาดสุกี้ฯ "มากุโระ" ปั้นแบรนด์น้องใหม่ โมเดล Chef's Table

11 ก.ค. 2567 | 09:25 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ค. 2567 | 09:30 น.

"มากุโระ กรุ๊ป" รุกตลาดร้านสุกียากี้ แจ้งเกิดแบรนด์ "HITORI SUKIYAKI" ชูจุดขายโมเดล Chef's Table เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม หวังดันยอดขายพุ่ง 30% ภายในสิ้นปีนี้

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คนไทยนิยมทานอาหารญี่ปุ่น ส่งผลให้ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยคึกคัก มีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.25% ของตลาดร้านอาหารทั้งหมดที่มีมูลค่า 4 แสนล้านบาท โดยตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นกลับมาฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2565-2566

โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 8% สาเหตุหลักมาจากคนไทยนิยมทานอาหารญี่ปุ่น ด้วยรสชาติถูกปาก ประกอบกับมีเมนูหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ปัจจุบัน พบว่าในประเทศไทยมี ร้านอาหารญี่ปุ่นมากกว่า 5,000 ร้าน กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึง โอกาสทางธุรกิจที่ยังเติบโตได้อีกมาก

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง

จากตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างเนื่อง ทำให้ล่าสุด MAGURO ได้ต่อยอดความสำเร็จจากแบรนด์ “HITORI SHABU” ด้วยการเปิดตัวร้านสุกียากี้ “HITORI SUKIYAKI” ในคอนเซ็ปต์ Chef’s Table SUKIYAKI เพื่อเอาใจ Sukiyaki Lovers ด้วยคอร์สสุกียากี้โดยเฉพาะ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์สุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมแบบไม่มีที่ไหนมาก่อน 

จากฐานข้อมูลลูกค้าของ MAGURO ร้านอาหารประเภทสุกียากี้คิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของลูกค้าทั้งหมด จึงมีแนวคิดที่จะต่อยอดมาเป็นสุกี้แบบ Chef's Table เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งมีกำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยลูกค้าจะได้เข้าถึงความพรีเมียมภายใต้แนวคิด ‘Give More Culture’ หรือ ‘การให้มากกว่าที่ขอ’ และไฮไลต์สำคัญคือข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริ จะเปิดให้บริการครั้งแรกในรูปแบบ Stand Alone ที่เอกมัย 12 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

เขย่าตลาดสุกี้ฯ \"มากุโระ\" ปั้นแบรนด์น้องใหม่ โมเดล Chef\'s Table

สำหรับแผนธุรกิจยังคงตั้งเป้าไว้อย่างน้อย 11 สาขาในปีนี้ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 30% จากปี 2566 นอกจากนี้ประกอบการ มากุโระ กรุ๊ปในปี 2565 มีรายได้รวม 665 ล้านบาท กำไรสุทธิ 72 ล้านบาทในปี 2566 รายได้รวม 1,045 ล้านบาท กำไรสุทธิ 31 ล้านบาท มาจากร้านอาหารญี่ปุ่น MAGURO 61% ร้านอาหารชาบูและสุกี้ยากี้ HITORI SHABU 18% และร้านปิ้งย่างเกาหลี SSAMTHING TOGETHER 19%

ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ป ดำเนินกิจการร้านอาหารรวมทั้งหมด 29 สาขา คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 15 สาขา SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีพรีเมียม 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 7 สาขา และแบรนด์ใหม่ล่าสุด HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมในรูปแบบ Chef’s Table 1 สาขา โดยภายในปี 2567