มั่นใจค้าปลีกครึ่งปีหลังโตแรง 'ท็อปส์' ทุ่ม 1,600 ล้านขยายสาขาเพิ่ม

19 ส.ค. 2567 | 11:05 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2567 | 11:05 น.

มั่นใจค้าปลีกครึ่งปีหลังฉลุย 'ท็อปส์' ทุ่มกว่า 1,600 ล้าน เดินหน้าขยายสาขาบูมตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต ตั้งเป้าครบ 1,000 แห่งในปี 2570

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสเติบโตได้จากปัจจัยต่างๆ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น 

ธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากการขยายตัวของช่องทางการขายออนไลน์ หรือการแข่งขันด้านราคาและโปรโมชั่นที่เข้มข้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด

นายสเตฟาน คูม

สำหรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตในอนาคตบริษัทมองว่าไม่มีความกังวล เนื่องจากเห็นว่าผู้บริโภคจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากนโยบายดังกล่าว หากมีการผลักดันนโยบายนี้ไปสู่การปฏิบัติจริงอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะไม่ได้รับการดำเนินการต่อในอนาคต บริษัทก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์และกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว ด้วยการจัดโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยอยู่เสมอ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทดำเนินการอยู่เป็นประจำ

นายสเตฟาน กล่าวว่า ภาพรวมในสิ้นปีนี้ บริษัทจะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่

  • ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา
  • ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตรวมมากกว่า 150 สาขา
  • ท็อปส์ เดลี่ อีกกว่า 520 สาขา
  • ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ โดยเป็นโมเดลใหม่ มากกว่า 10 สาขา
  • มัทสึคิโยะ อีก 25 สาขา จากในปัจจุบันมีสาขาในไทยประมาณ 702 สาขา 

มั่นใจค้าปลีกครึ่งปีหลังโตแรง \'ท็อปส์\' ทุ่ม 1,600 ล้านขยายสาขาเพิ่ม

ปีนี้ท็อปส์ในปีที่ 28 พร้อมลงทุนในประเทศไทย ด้วยงบลงทุน 1,600 ล้านบาท ขยายสาขาในปีนี้ในทุกฟอร์แมต ส่วนแผนลงทุนระยะยาว 4 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2567-2570) ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี มุ่งสู่การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยสาขามากกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2570 ผ่าน 4 กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ หรือ  T-O-P-S ได้แก่

1. T - Truly World Class: มุ่งยกประสบการณ์ลูกค้า  ด้วยสินค้าที่เลือกจากในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก  พร้อมแบรนด์ชั้นนำที่รู้จักทั่วโลกกว่า 210 แบรนด์

2. O - Omni-Channel: มุ่งสร้างประสบการณ์ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ ผ่านช่องทางออมนิแชแนล ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบหน้าร้าน (Brick & Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง

รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล ช่องทางการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอรีรายใหญ่ กับ ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางแพลตฟอร์ม Tik Tok 

มั่นใจค้าปลีกครึ่งปีหลังโตแรง \'ท็อปส์\' ทุ่ม 1,600 ล้านขยายสาขาเพิ่ม

3. P - Pleasure: สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งกับ 14 กลุ่มสินค้า อาทิ สินค้าผักและผลไม้,ขนมขบเคี้ยว,ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ รวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม รวมกว่า 300 รายการ 

4. S - Sustainability: ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) 

นายสเตฟาน กล่าวว่า ท็อปส์ประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 11% และมีลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ในการขยายสาขาไปยังทำเลที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การเปิดตัวมาสคอตตัวใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบ ถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 28 ปีของท็อปส์ พร้อมกับเป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญการตลาดครั้งใหญ่ ที่คาดว่าจะสร้างความประทับใจและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น