นมข้าวโพดมาแรง 'วี ฟู้ดส์' สยายปีกบุกตลาดต่างประเทศ

28 ส.ค. 2567 | 11:05 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ส.ค. 2567 | 11:09 น.

นมข้าวโพดมาแรง 'วี ฟู้ดส์' จับมือไร่สุวรรณ พัฒนาสินค้าใหม่ เดินหน้าสยายปีกบุก CLMV มาเลเซีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น พร้อมกลุ่มฟู้ดเซอร์วิส หวังดันยอดขาย 250 ล้านบาทในสิ้นปี

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ วี ฟู้ดส์ และ วี ฟาร์ม กล่าวว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะยังไม่นิ่งและมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม และความขัดแย้งทางการเมือง

แต่ตลาดของผลิตภัณฑ์นมทางเลือกกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเติบโตเร็วกว่าตลาดนมวัว โดยมีอัตราการเติบโต 8-9% สำหรับน้ำนมข้าวโพด ยังคงมีแนวโน้มเติบโต ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความนิยมของผู้บริโภค ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น 

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน

อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์ Ready to Drink ผู้บริโภคชอบความสะดวกสบาย ทำให้นมทางเลือกประเภทพร้อมดื่มเป็นที่นิยม ที่สำคัญในช่วงปลายมีเทศกาลกินเจ ทำให้บริษัทมียอดขายเติบโตราว 30% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับร้านค้าสะดวกซื้อ 64%

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตถึง 3 เท่า ยอดขายเฉลี่ย 8,000-9,000 ขวดต่อวัน ทำให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ยังตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีก 25% หรือ 250 ล้านบาทในปีนี้

ล่าสุดบริษัทร่วมมือกับศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) เป็นรูปแบบพาสเจอร์ไรซ์ เน้นความสดใหม่หลังเก็บ 1 วัน ส่งเข้าโรงงานผลิตทันที ปัจจุบันมีกำลังผลิต 5,000 ขวดต่อวัน ถือเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นและแตกต่างมากยิ่งขึ้น

รศ. ดร.ธานี ศรีวงศ์ชัย

ด้าน รศ. ดร.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การเติบโตของเทรนด์การบริโภคสินค้าเกษตรที่เข้าสู่เจเนอเรชันใหม่ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ไร่สุวรรณ เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งกลยุทธ์หลักในการขยายตลาดของปีนี้คือ ความร่วมมือกับบริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยแบรนด์ วี ฟาร์ม ที่มีช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคที่กว้างขวาง และนำเสนอสินค้าเกษตรเรือธงอย่างข้าวโพดพันธุ์อินทรี 2 ซึ่งแตกต่างจากน้ำนมข้าวโพดทั่วไป

นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า ช่องทางขายเตรียมกลับไปขายในซูเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง โดยพัฒนานวัตกรรมที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้นถึง 15-21 วัน เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์พาสเจอร์ไรซ์ที่เก็บได้ไม่เกิน 14 วัน ทำให้สามารถจัดจำหน่ายผ่านช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น

นอกจากช่องทางขายปลีกแล้ว ยังเล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดไปยังกลุ่มฟู้ดเซอร์วิส เช่น ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ โดยมีร้านโจนส์สลัดเป็นหนึ่งในตัวอย่างของลูกค้ากลุ่มนี้

นมข้าวโพดมาแรง \'วี ฟู้ดส์\' สยายปีกบุกตลาดต่างประเทศ

โดยบริษัทวางแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม รวมถึงมาเลเซีย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น โดยพิจารณาถึงศักยภาพในการเติบโตและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศเป็นหลัก 

นอกจากนี้มีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศเป้าหมายเพื่อผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM และในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากนมข้าวโพดให้สูงขึ้นเป็น 25% ในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีรายได้ราว 20%