"บุรี่เถื่อน" สะเทือนโชห่วย กระทบเศรษฐกิจฐานราก 5 แสนร้านค้า

น.ส.ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า หลังจากเริ่มมีบริการส่งสินค้าแบบ door-to-door ผ่านระบบดิลิเวอรี่ ส่งผลให้ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา อัตราการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายจากภาคใต้มาถึงหัวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เครือข่ายบุหรี่เถื่อนเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและรวดเร็ว เพิ่มสูงถึง 73 เท่า คิดเป็นสัดส่วน 36.5% ของการบริโภคทั้งหมด ทำให้ร้านค้าบุหรี่ที่ถูกกฎหมายทั่วประเทศประมาณ 5 แสนร้านค้ายอดขายบุหรี่ลดลง 20-80%

แม้ว่าหน่วยงานรัฐ เช่น กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และทหารบก ทหารเรือจะเร่งปราบปราบบุหรี่เถื่อนอย่างเต็มที่ แต่ปัญหายังคงรุนแรง ไม่เฉพาะแค่ขายกันตามร้านค้าไม่มีใบอนุญาต ตลาดนัด ตลาดกลางคืน แต่ยังมีร้านค้าออนไลน์ด้วย 

ทั้งนี้ ได้ลงพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อพูดคุยกับสมาชิกสมาคมการค้ายาสูบไทย หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีบุคคลแปลกหน้ามาเร่ขายบุหรี่ยี่ห้อแปลกๆ จึงทราบทันทีว่าเป็นบุหรี่เถื่อนและยอมรับว่าบุหรี่ปลอมที่ลอกเลียนแบบตราสินค้าของผลิตภัณฑ์ที่มีในประเทศ รวมถึงบุหรี่ต่างประเทศซึ่งดูยากมาก แม้กระทั่งแสตมป์ภาษีสรรพสามิตยังปลอม จนร้านค้าหลายรายหวาดกลัวว่าจะตกเป็นเหยื่อด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และอาจมีความผิดถูกจับถูกปรับถึง 10-15 เท่าได้

"ตอนนี้ได้เตรียมยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจรังในการปราบปรามบุหรี่เถื่อน และจัดการปัญหาที่ต้นทางที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการใช้ช่องทางสินค้าผ่านแดน และการลักลอบตามชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปรามเศรษฐกิจใต้ดินเพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ถือเป็นความหวังของร้านค้า เรื่องปราบของเถื่อน-ของปลอม น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก ขอให้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ บังคับใช้กฎหมายให้ดี ปราบให้หนักตั้งแต่ต้นทาง ลงโทษให้ชัด ปิดช่องโหว่เรื่องศุลกากรและสินค้าผ่านแดนไม่ให้เกิดการกระทำผิดต่อไป”

หนึ่งในผู้ประกอบการร้านค้าปลีก จ. ปทุมธานี กล่าวว่า จากรายได้รวมของร้านปกติมียอดขายบุหรี่ต่อวันประมาณ 20-30% แต่พอลูกค้าไม่เข้ามาซื้อบุหรี่ก็ขายของอย่างอื่นได้น้อยลงไปด้วย ทำให้รายได้รวมของร้านค้าลดลง และรายได้จากการขายบุหรี่อย่างเดียวหายไปเดือนละพันกว่าบาท ทุกวันนี้ขายบุหรี่ได้สัปดาห์ละ 10-20 ซอง ลดลงจากที่เคยขายได้สัปดาห์ละ 70 ซอง แต่ยังเห็นลูกค้าเก่ายังคงสูบบุหรี่อยู่เพราะเปลี่ยนไปซื้อร้านอื่นที่ราคาถูกกว่าแทน อยากให้ "นายกอิ้งค์” จัดการกับร้านที่ขายของเถื่อนอย่างจริงจัง ร้านค้ารายเล็กจะได้ทำมาค้าขายได้คล่องขึ้น ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่รัฐบาลประกาศไว้

ขณะที่หนึ่งในผู้ประกอบการร้านค้าปลีก จ. นนทบุรี กล่าวว่า ปกติทางร้านจะซื้อจากเซลล์ของบริษัทตลอด แต่ตอนนี้มีคนเอาบุหรี่มาเร่ขายให้ด้วยตัวเองจึงรู้สึกกลัวและไม่มั่นใจว่าจะเป็นบุหรี่ถูกกฎหมายหรือเปล่า หากรับซื้อไว้แล้วมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเจอก็จะมีความผิดอีก ซึ่งเริ่มมีลูกค้าวัยรุ่นมาถามหาบุหรี่ซองละ 30 บาทอยู่เป็นประจำ พอไม่มีขายให้ลูกค้าก็เปลี่ยนไปสั่งออนไลน์แทน มีของมาส่งถึงบ้าน โดยส่วนตัวกลัวว่าเด็กจะซื้อบุหรี่ได้ง่ายขึ้น จึงอยากฝากให้ภาครัฐจัดการพวกเว็บไซต์ขายของเถื่อนพวกนี้ด้วย