จากเดิมธุรกิจเพลงพึ่งพารายได้แบบ Physical คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 80% ของตลาด ในขณะที่ Digital Music มีสัดส่วนเพียง 20% แต่หลังจากการเข้าสู่ยุค Digital ส่งผลให้ธุรกิจเพลงมีรายได้จากช่องทาง Digital Music กลับขยับขึ้นมากลายเป็น 80%
ปัจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ค่ายเพลงเติบโตในยุคดิจิทัลมิวสิค (Digital Music) คือ ทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP : Music Intellectual Property) คือ สิทธิ์ หรือ ลิขสิทธิ์ในคอนเทนต์เพลง โดยบริษัทที่จะมี Music IP คือ บริษัทที่โฟกัสในธุรกิจเพลงและมี Music IP จำนวนมาก หรือที่เรียกว่า Music Pure Play Business
ซึ่ง Music IP เหล่านี้จะเกิดขึ้นจากการมีศิลปินและก็มีค่ายเพลงต่างๆในมือ ยกตัวอย่าง GMM Music ในฐานะบริษัทฯ ที่มีความแข็งแรงด้านคลังทรัพย์สินทางดนตรีของไทยที่ได้สั่งสมและมีการพัฒนาต่อยอดมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี ผนวกกับการมี Music Infrastructure ครบวงจรที่สุดในไทย
ซึ่งการวางจุดยืนของ GMM Music นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การดูแลค่ายย่อย ผลิตเพลงป้อนงานให้กับศิลปิน แต่ยังนำเนื้อหาต่างๆที่ได้จากตัวศิลปินหรือทรัพย์สินทางดนตรี ( Music IP : Music Intellectual Property) ต่างๆ มาบริหารจัดการหารายได้ผ่าน Video และ Audio Music Streaming
ซึ่งเป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่ทำให้ค่ายเพลง มีรายได้เข้ามาแบบต่อเนื่อง (Recurring Income) และเป็นรายได้ที่สามารถเกิดขึ้นต่อเนื่องได้ยาวนานเป็นหลายสิบปีจากทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP : Music Intellectual Property) โดยไม่ต้องลงทุนผลิตคอนเทนต์ใหม่
เช่น Universal Music Group ที่ เทนเซ็นต์ เข้าไปซื้อหุ้นครั้งแรกในปี 2019 และล่าสุดในปี 2023 ได้มีการลงทุนเพิ่ม ปัจจุบัน เทนเซ็นต์ เข้าไปถือหุ้น Universal Music Group มากถึง 20% และที่น่าสนใจก็คือ “เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป” และ “เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเตท” เข้าร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทจีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในสัดส่วนหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่าบริษัทรวม 25,700 ล้านบาท
ถือเป็นการส่งเสริมการเติบโตของ New Music Economy ไทย ผ่านการขยายธุรกิจ การกระตุ้นการเติบโต การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับพันธมิตรระดับโลก และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพลงในรูปแบบใหม่ ตอบรับอนาคตของอุตสาหกรรมเพลงที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากธุรกิจเพลงได้เข้าสู่ยุคใหม่แล้วเพราะสามารถฟังเพลงได้ทุกแพลตฟอร์มโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตข้างหน้าถ้ามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ( IOT : Internet of things) เกิดขึ้นจะส่งผลให้มีการฟังเพลงมากขึ้น นั้นหมายความว่า อุตสาหกรรมเพลงนั้นสามารถเติบโตไปกับทั้งอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมดิจิทัลได้พร้อมๆกัน จากปัจจัยสนับสนุนทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ประกอบกับการที่ตลาดมีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง