เปิดฉาก "งานหนังสือภาษาอังกฤษ 2024" เผยคนไทยอ่านน้อย ตลาดโตช้าสุดในอาเซียน

01 พ.ย. 2567 | 05:02 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2567 | 06:49 น.

เริ่มแล้ว เทศกาลหนังสือภาษาอังกฤษส่งท้ายปี "Big Bad Wolf Books 2024" ที่ The Market Bangkok ราชประสงค์ ตั้งแต่วันนี้-11 พฤศจิกายน 2567 เผยสถิติคนไทยยังอ่านน้อย ตลาดโตช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

นางแจ็คเกอลีน อึ๊ง ผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้อำนวยการ Big Bad Wolf Books กล่าวว่า สำหรับงาน "Big Bad Wolf Books 2024" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - วันจันทร์ที่  11 พฤศจิกายน 2567 ที่ The Market Bangkok ราชประสงค์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Last Chance to Gift the Best" โดยมีหนังสือคุณภาพจากสำนักพิมพ์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 2 ล้านเล่ม มาให้คนไทยได้เลือกซื้อทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึงเที่ยงคืน ซึ่งถือเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลความสุขส่งท้ายปีสำหรับนักอ่านทุกคน

"เชื่อว่าหนังสือเพียงหนึ่งเล่มมีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ โดยเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษที่มักมีราคาแพงและเข้าถึงได้ยาก ฉะนั้นการจัดงาน Big Bad Wolf Books ถือเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้กับคนทุกวัย และจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ค้นพบโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในชีวิต"

 

เปิดฉาก \"งานหนังสือภาษาอังกฤษ 2024\" เผยคนไทยอ่านน้อย ตลาดโตช้าสุดในอาเซียน

 

นางสาวตรัสวิน จิตติเดชารักษ์ ผู้อำนวยการ สำนักพิมพ์ซิลค์เวอร์ม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในปัจจุบันเด็กไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี นิยมอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยมีปัจจัยหลักส่วนหนึ่งมาจากความสนใจทางโซเซียลมิเดีย ส่วนหนึ่งจากเด็กในโรงเรียนนานาชาติใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ และในกลุ่ม Young adult จะเริ่มอ่านหนังสือนวนิยายภาษาอังกฤษมากขึ้น ขณะที่วัยทำงานช่วงอายุ 30-35 ปี จะนิยมอ่านหนังสือประเภทธุรกิจ ส่วนคนที่อายุเกิน 40 ปี มักจะซื้อให้ลูกหรือบุตรหลาน

ฉะนั้น ตลาดหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศไทยถือว่าเติบโตขึ้น แต่เติบโตเพียงบางส่วนตามประเภทหนังสือเท่านั้น หากเทียบการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษของคนไทยยังไม่สามารถสู้กับประเทศอื่นได้ และตลาดถือว่ายังถือว่าเติบโตช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

"ตลาดหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปินส์ เติบโตสูงมาก ขณะที่อินโดนีเซียก็มีอัตราการเติบโตของหนังสือเด็กเล็ก โดยภาพรวมหากไม่เทียบกับจำนวนประชากร ถือว่าสัดส่วนการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษของประเทศเหล่านี้สูงกว่าประเทศไทย คาดกว่าปัจจัยส่วนหนึ่งอาจมากจากด้านเศรษฐกิจที่ทำให้คนไทยไม่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เพราะหนังสือที่มาจากต่างประเทศราคาค่อนข้างสูง"

 

เปิดฉาก \"งานหนังสือภาษาอังกฤษ 2024\" เผยคนไทยอ่านน้อย ตลาดโตช้าสุดในอาเซียน

 

อุปสรรค์และปัญหาของตลาดหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศไทยอย่างแรก คือ 1.ยอดตีพิมพ์ไม่มากนักเพราะต้นทุนการตีพิมพ์สูง โดยเฉพาะเรื่องกระดาษ 2.หนังสือของกลุ่มวัยทำงานส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือแปล ที่มีต้นทุนสูงกว่าหนังสือทั่วไป นอกจากจะมีค่าลิขสิทธิ์จะต้องรวมค่าแปลก รวมถึงค่าบรรณาธิการด้วย

นางสาวตรัสวิน กล่าวว่า หากมองภาพรวมในฐานะผู้จัดพิมพ์หนังสือในประเทศไทย จากงาน Big Bad Wolf Books 2024 เทียบกับปีที่ผ่านมาถือว่าตลาดค่อนข้างทรงตัว หากขยายตัวเพิ่มขึ้นก็ไม่มากนัก ยิ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาขนาดการจัดงานเล็กลงมาก จำนวนหนังสือลดน้อยลง ไม่มีความหลากหลาย การนำเข้ามาของหนังสือจากต่างประเทศก็น้อย ยังดีที่ภายในงานสัดส่วนคนมาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษยังเป็นคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ และเมื่อจัดงานอยู่ที่หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดหนังสือภาษาอังกฤษก็ยังถือว่าได้รับความสนใจจากคนไทยอยู่ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่

 

เปิดฉาก \"งานหนังสือภาษาอังกฤษ 2024\" เผยคนไทยอ่านน้อย ตลาดโตช้าสุดในอาเซียน

 

"ในภาพรวมตลาดหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศไทย ถือว่าดีขึ้นเล็กน้อย หากเศรษฐกิจดีขึ้นคาดว่าตลาดน่าจะเติบโตขึ้นได้อีก โดยเฉพาะหนังสือเด็กเล็กที่มีผู้ปกครองเป็นคนตัดสินใจซื้อ"

ด้าน นางริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด หนึ่งในผู้ก่อตั้ง ไทย บุ๊ค ยูไนเต็ด (Thai Book United: TBU) ผู้จัดหาสำนักพิมพ์ไทยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน Big Bad Wolf Books ในประเทศไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยคนไทยเข้าถึงหนังสือภาษาอังกฤษยากมาก เพราะราคาสูง สำนักพิมพ์ที่นำหนังสือภาษาอังกฤษเข้ามาในประเทศก็มีเพียงไม่กี่ราย ฉะนั้น Big Bad Wolf Books ถือเป็นงานหนังสือที่ทำให้คนไทยเข้าถึงได้ และสามารถขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดได้ อย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น

 

เปิดฉาก \"งานหนังสือภาษาอังกฤษ 2024\" เผยคนไทยอ่านน้อย ตลาดโตช้าสุดในอาเซียน

 

โดยความร่วมมือระหว่าง Plan For Kids และ Big Bad Wolf ในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีที่ในการส่งเสริมความรักการอ่านในเด็ก และกระตุ้นให้ครอบครัวได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน ผ่านแคมเปญ “Book as Gifts” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้ค้นพบทั้งหนังสือแบบเรียน นิทาน และของเล่นเสริมพัฒนาการคุณภาพมากมาย เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับลูก ๆ

"อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 หลังจากนี้คาดว่าเทรนด์การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษจะเป็นประเภท How to และ หนังสือเด็ก เราอยากขยายตลาดหนังสือภาษาอังกฤษให้มากขึ้นด้วยการจับกลุ่มโรงเรียน และกลุ่มผู้ปกครอง ที่จะช่วยสนับสนุนการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ส่งเสริมการอ่านตั้งแต่วัยเด็กให้เป็นพื้นฐานสำคัญ พร้อมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ในระยะยาว"