“เสถียร” แจงยิบข้อสัญญา “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ฟ้องหมิ่นประมาท 7 รายรวด

04 ธ.ค. 2567 | 08:44 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ธ.ค. 2567 | 08:54 น.

“เสถียร” เจ้าพ่อคาราบาวแดง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 แจงสัญญา “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ละเอียดยิบ พร้อมยื่นฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 7 รายรวด

หลังจากที่มีกลุ่มบุคคลรวมตัวร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีการกล่าวหาว่าบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด (“บริษัทฯ”) หลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจร้านโชห่วยจนเกิดความเสียหาย และมีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย และบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ได้ออกมาชี้แจงแล้วนั้น

ล่าสุด บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ภายใต้การบริหารโดย นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริหารบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 โดยมีใจความว่า

เสถียร เสถียรธรรมะ

ตามที่มีกลุ่มบุคคลรวมตัวร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีการกล่าวหาว่าบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด (“บริษัทฯ”) หลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจร้านโชห่วยจนเกิดความเสียหาย และมีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย จนทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง สร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” และก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทนั้น

บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า บริษัท ดำเนินการร้านค้าถูกดี มีมาตรฐาน กับผู้ประกอบการ (พาร์ทเนอร์) โดยทำสัญญาว่า บริษัทตกลงจัดส่งสินค้าไปให้พาร์ทเนอร์วางจำหน่าย จัดหาอุปกรณ์ที่ใช้ในร้านและระบบการจัดการร้านค้าให้พาร์ทเนอร์ โดยมิได้เรียกเก็บค่าแรกเข้าและยังไม่ต้องชำระค่าสินค้า ทำให้พาร์ทเนอร์มีสินค้าจำหน่ายโดยไม่ต้องลงทุนค่าสินค้า

การขายสินค้าทุกรายการต้องทำผ่านเครื่องคิดเงินอัตโนมัติ (POS) ของบริษัท เพื่อบันทึกประวัติการขาย ยอดขาย และจำนวนสินค้าคงเหลือให้ถูกต้อง และพาร์ทเนอร์จะนำส่งเงินรับจากการขายให้บริษัท ภายในวันทำการธนาคารถัดไป จากนั้นทุกสิ้นเดือน บริษัทจะสรุปรายได้จากการขายหักด้วยต้นทุนสินค้า และโอนส่วนกำไร 85% ให้พาร์ทเนอร์ และบริษัทได้รับค่าตอบแทน 15% ของกำไร พาร์ทเนอร์ในฐานะเจ้าของร้านค้า และบริษัทต่างมีหน้าที่ชำระภาษีตามกฎหมาย

ร้านถูกดี มีมาตรฐาน

ระบบที่ใช้บริหารจัดการในร้านค้าเป็นระบบที่มีมาตรฐาน มีการจัดเก็บข้อมูลการใช้งาน สามารถทวนสอบได้ ในการทำรายการต่างๆ ต้องผ่านเครื่องคิดเงินอัตโนมัติ (POS) ซึ่งตั้งอยู่ที่ร้านค้าของพาร์ทเนอร์ และต้องใช้รหัสผ่านส่วนตัวของพาร์ทเนอร์สำหรับการเข้าใช้งานเท่านั้น

บริษัทขอยืนยันว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความสุจริตมาตั้งแต่ปี 2561 และยังคงดำเนินธุรกิจกับพาร์ทเนอร์กว่า 3,000 ราย ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจเดียวกัน ข้อกล่าวอ้างของกลุ่มบุคคลที่ใส่ความบริษัทดังกล่าว เป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและปราศจากมูลความจริง การใส่ความบริษัทผ่านสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท รวมถึงผู้ประกอบการร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” 

“เสถียร” แจงยิบข้อสัญญา “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ฟ้องหมิ่นประมาท 7 รายรวด “เสถียร” แจงยิบข้อสัญญา “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ฟ้องหมิ่นประมาท 7 รายรวด

ดังนั้น เพื่อปกป้องชื่อเสียงและสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท บริษัทได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทและข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมทั้งเรียกค่าเสียหายจากผลกระทบทางธุรกิจและการเสื่อมเสียชื่อเสียงกับกลุ่มบุคคลที่ใส่ความบริษัท 7 รายแรก เช่น

ร้านค้าในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอื่นที่ปรากฏหลักฐานขายนอกโพสต์จำนวนมากจนสินค้าสูญหายมูลค่ากว่า 160,000 บาท ถึงเกือบ 400,000 บาท 

ร้านค้าในจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดอื่น ที่ไม่นำส่งเงินรับจากการขายให้บริษัท มูลค่าความเสียหายกว่า 50,000 บาทถึงกว่า 100,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องหรือกรณีการกระทำผิดอื่น เพื่อปกป้องชื่อเสียงและสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และเพื่อป้องปรามมิให้เกิดการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิของบริษัทต่อไป

บริษัท ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไปในการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่หรือสนับสนุนข้อมูลเท็จดังกล่าว เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลที่มุ่งสร้างความเสียหายแก่บริษัท