ปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-2 ต.ค.65 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วรวมกว่า 6.12 ล้านคน โดย 5 อันดับแรกของด่านที่เดินทางเข้ามา พบว่าเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิสูงสุดอยู่ที่ 3.30 ล้านคน ตามมาด้วย สนามบินภูเก็ต 8.40 แสนคน สนามบินดอนเมือง 4.51 แสนคน ด่านสะเดา 3.56 แสนคน และด่านหนองคาย 1.83 แสนคน
ทั้งยังพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทย ล้วนเป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้าไทยมากที่สุด 993,196 คน ใกล้จะทะลุ 1 ล้านคนเป็นประเทศแรก ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวอินเดีย 570,581 คน ลาว 420,866 คน สิงคโปร์ 315,848 คน และกัมพูชา 314,290 คน
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) กล่าวว่าขณะนี้ตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ถือว่าตลาดกลับมากระเตื้องขึ้นแล้ว ยกเว้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ที่กำลังรอสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีสีจิ้นผิง ว่าจะมีการอนุญาตให้คนจีนเดินท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่ หลังจากที่ผ่านมามีการผ่อนคลายให้นักธุรกิจ นักเรียน และกลุ่มไมซ์ อย่างอินเซ็นทีพเดินทางออกนอกประเทศบ้างแล้ว
อีกทั้งที่ผ่านมาก็เริ่มมีการผ่อนคลายเป็นระยะ เช่น 5 เมืองของจีน ได้แก่ มณฑลเจ้อเจียง, เจียงซู, เซี่ยงไฮ้, เซี่ยเหมิน และกวางตุ้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนมีผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าออกมาเก๊า-ฮ่องกงไป-กลับได้ โดยไม่กักตัว
วันนี้เมื่อดูตัวเลขนักท่องเที่ยวTop 10 สำหรับตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-30ก.ย.65 ก็พบว่านักท่องเที่ยวกลับมาแล้ว ทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ 10 ล้านคนสามารถทำได้ ซึ่งการกลับมาของนักท่องเที่ยวเป็นเพราะประเทศต่างๆมีการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางเพิ่มขึ้น
โดยนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จะทะลุ 1ล้านคนแล้ว ซึ่งเดินทางเข้ามาผ่านทางด่านสะเดามากที่สุด ทั้งทางบกและการเดินทางมาทางรถไฟในลักษณะเช่าเหมาหรือชาร์เตอร์เที่ยวเดินรถไฟเข้ามา ที่เหลือจะเป็นการเดินทางเข้ามาโดยสายการบิน ซึ่งนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาไม่ได้เที่ยวแต่เฉพาะหาดใหญ่เท่านั้น ยังเดินทางต่อโดยรถบัสเข้ามาเที่ยวจังหวัดอื่นด้วย อาทิ กระบี่ พัทลุง
ดังนั้นททท.เตรียมจะจัดงานขอบคุณนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เป็นชาติแรกที่เดินทางเข้าไทยทะลุ1ล้านคน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ และตลอดทั่งปีนี้น่าจะมีคนมาเลเซียเดินทางมาเที่ยวไทยถึง 1.2 ล้านคน
ส่วนนักท่องเที่ยวจากอินเดีย ก็จะเดินทางเข้าไทยทะลุ 1 ล้านคนเป็นชาติที่สอง และจากฟิดแบ็กของเอเย่นต์จากบังกะลอร์และมุมไบ ก็พบว่าจะมีบุ๊กกิ้งเข้าไทยดีมากในช่วงไตรมาส4 ปีนี้ และในขณะนี้สายการบินต่างๆของไทยก็มีแผนเพิ่มเส้นทางบินรองรับ
ในช่วงQ4 นี้ตลาดอินเดียน่าจะมีเที่ยวบินเข้าไทยร่วม3-4 แสนที่นั่ง และเรากำลังผลักดันเรื่องอี-วีซ่า ถ้าทำได้ก็จะอำนวยความสะดวกให้คนอินเดียเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียนและCLMV ก่อนโควิด-19 เดินทางมาเที่ยวไทย 10 ล้านคน ปีนี้ททท.คาดว่าน่าจะนำกลับมาได้50% หรือราว 4-5 ล้านคน เนื่องจากเที่ยวบินยังไม่เท่ากับก่อนเกิดโควิด แต่ในปี2566 เที่ยวบินต่างๆก็น่าจะกลับมาเพิ่มขึ้น
อีกทั้งล่าสุดก็มีประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ทำให้เป็นโอกาสที่ดีในการกระตุ้นตลาดเหล่านี้ของททท. ที่ททท.จะเน้นทำงานร่วมกับสายการบินและเอเย่นต์ในประเทศเหล่านี้เพื่อกระตุ้นให้เดินทางมาเที่ยวไทย
อย่างฮ่องกง ที่มองว่าไทยเป็นวีคเอนท์เดสติเนชั่น ททท.ได้ร่วมมือกับคาเธ่ย์ แปซิฟิค นำเสนอตั๋วราคาพิเศษ การดึงสายการบินฮ่องกง เอ็กซ์เพรส เปิดบินเส้นทางฮ่องกง-ภูเก็ต , ฮ่องกง-เชียงใหม่ หรือไต้หวัน ที่จะเปิดประเทศแบบไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ททท.ก็มีแผนเดินทางไปทำตลาดในวันที่ 4-7 พ.ย.นี้
สำหรับญี่ปุ่นททท.ก็เพิ่งจะร่วมมือกับ 7 บริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ในญี่ปุ่น จัดแคมเปญ “อิมะโคโซะไทยเอะ” หรือ It’s time to go to Thailand ซึ่งสิ้นปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทย 3.5 แสนคน ขณะที่ตลาดเกาหลีใต้ ก็เน้นเจาะตลาดใหม่ เช่น กลุ่มมิลเล็นเนียล วัยรุ่นเกาหลีที่นิยมเดินทางคนเดียวแบะเป็นคู่มากขึ้น กลุ่มผู้หญิงตีกอลฟ์ ซึ่งคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีคนเกาหลีเดินทางมาเที่ยวไทยราว 5 แสนคน
“เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคนในปีนี้ ตามแผนที่วางไว้กว่า 65-70%จะมาจากตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ซึ่งก็อยู่ที่ราว 6.5-7ล้านคน ที่ผมจะผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”นายธเนศวร์ กล่าวทิ้งท้าย
นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท.กล่าวว่าในช่วงQ4 ปีนี้จะเห็นกลุ่มอินเซ็นทีฟกลุ่มใหญ่จากจีนอยู่เป็นระยะ เช่น จากเซินเจิ้น400 คน เนื่องจากนโยบายปัจจุบันของทางการจีนที่ยังไม่อนุญาตเดินทางเสรีอย่างชัดเจน แต่เราก็มองว่าหลังการประชุมสัมชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉบับที่ 22 (วางแผนรอบ 4ปี) ในวันที่ 14-16 ต.ค. 2565 และกรณีที่สีจิ้นผิงเดินทางเข้ามาร่วมประชุมเอเปคในไทย ก็น่าจะมีสัญญาณบวก
เพราะที่ผ่านมาก็เริ่มมีการผ่อนคลายเป็นระยะ เช่น 5 เมืองของจีน ได้แก่ มณฑลเจ้อเจียง, เจียงซู, เซี่ยงไฮ้, เซี่ยเหมิน และกวางตุ้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนมีผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าออกมาเก๊า-ฮ่องกงไป-กลับได้ โดยไม่กักตัว
รวมทั้งสำนักงานการบินพลเรือนจีน(CAAC) ได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการและเพิ่มจำนวนเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก ระหว่างจีนกับไทยเป็นระยะเช่นกัน เดิมให้สายการบินของไทยและสายการบินจีน บินเข้าจีน ฝั่งละ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ปัจจุบันเพิ่มเป็นฝั่งละ 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ หรือเพิ่มขึ้น 5 เท่า แม้จะยังเทียบไม่ได้กับก่อนเกิดโควิด-19 แต่ก็ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินถูกลงกว่าเดิม
ทั้งททท.ยังตั้งสมมุติฐานในการผ่อนคลายการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีนไว้ว่า อาจจะมีการปล่อยให้ออกมาได้เป็นระลอกๆไป หรืออาจจะปล่อยให้ออกได้เป็นบางเมือง อย่างใน5 เมืองที่มีการผ่อนผัน หรือจะเหมือนในอดีตที่มีการปล่อยให้คนจากปักกิ่ง เซี้ยงไฮ้เดินทางมายังสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยได้ แต่ไม่ว่าจะผ่อนผันแบบใด ก็มั่นใจว่าไทยจะเป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวจีนอยากเดินทางมา
โดยสำนักงานของททท.5 แห่งในจีนได้หารือกับ ออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ หรือ OTA รายใหญ่ของจีน เพื่อเตรียมความพร้อมไว้แล้ว รอแค่การกดปุ่มของนายกรัฐมนตรีสีจิ้นผิงเท่านั้น ซึ่งทางฝั่งจีนมีความพร้อมมาก เพราะจีนปิดประเทศมา3ปี เขาก็อยากเดินทางมาเที่ยว และเขาก็เลือกไทยเป็นอันดับ1ที่อยากเดินทางมาเที่ยว
แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่าททท.ยังห่วงผู้ประกอบการ หรือ DMC ของไทยที่ทำตลาดจีน ที่ก่อนหน้านี้ปิดไป ยังไม่กลับมาเปิด เพราะอย่างกลุ่มอินเซ็นทีพที่จะเดินทางมาไทยราว400 คนในช่วงปลายปี ก็หาDMCที่รับกรุ๊ปขนาดนี้ไม่ได้ ต้องใช้บริษัทเล็กๆ2-3 แห่ง เพื่อมารับงาน ซึ่งต่อไปททท.ก็คงต้องเข้าไปหารือเพื่อเตรียมความพร้อมเช่นกัน
นางสาวสุกัญญา สิริกาญจนากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ เผยว่า ตลาดนักท่องเที่ยวอินเดีย จากการสำรวจตลาดพบว่ามีการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวพร้อมครอบครัว และไทยติดอันดับ1ใน 5 ประเทศที่อยากเดินทางมาเที่ยว นิยมมาช้อปปิ้ง และเที่ยวทะเลมากที่สุด รวมถึงมีสายการบินต่างๆเตรียมเปิดเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ไทยเวียตเจ็ท กำลังขออนุญาตบินเข้าสู่เมืองรองของอินเดีย ส่วน การบินไทยและไทยสมายล์ บินเจ้าอินเดียอยู่ 61 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จะเพิ่มเป็น 63 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และอยากจะเพิ่มเป็น 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีเครื่องบินพอให้บริการหรือไม่
ดังนั้นในช่วงQ4 นี้ตลาดอินเดียน่าจะมีเที่ยวบินเข้าไทยร่วม3-4 แสนที่นั่ง และเรากำลังผลักดันเรื่องอี-วีซ่า ถ้าทำได้ก็จะอำนวยความสะดวกให้คนอินเดียเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น