แมริออท จัดว่าเป็นเชนบริหารโรงแรมสัญชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีทรัพย์สินราว 8,100 แห่ง ภายใต้แบรดน์บริหารโรงแรมชั้นนำกว่า 30 แบรนด์ ใน 139 ประเทศ และเขตปกครองต่างๆ ทั้งการดำเนินกิจการ การบริหารธุรกิจแฟรนไชส์โรงแรมและรีสอร์ททั่วโลก ในไทยมีแบรนด์โรงแรมภายใต้การรับบริหารของเครือแมริออทรวมกว่า 47 แห่ง รวมถึงเรสซิเดนซ์ในไทยด้วย
นายแอนโทนี่ คาปูอาโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการบริษัท แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (ซีอีโอ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล) เปิดใจกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ปัจจุบันแมริออท มีทั้งหมด 47 แห่งในประเทศไทย ซึ่งถึงรวมเรสซิเดนซ์ โดยโครงการสำคัญที่คาดว่าจะเปิดภายในสิ้นปี 2566 มีทั้งหมด 5 โรงแรม
ได้แก่ คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท แบงคอก สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต,แมริออท เอ็คเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเม้นต์ สุขุมวิท 101 , เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก รีสอร์ท สวีทส์ , ม็อกซี่ แบงคอก ราชประสงค์,Madi Paidi Bangkok Autograph Collection
ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกถึงอนาคตของอุตสาหกรรมการเดินทาง อีกทั้งเรายังมั่นใจในแผนระยะยาวของเรา โดยเรายังมุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางมาสู่ผู้เข้าพัก เจ้าของโรงแรม และผู้คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้ และเราจะสานต่อวิสัยทัศน์ในการมอบประสบการณ์ที่พิเศษและโดดเด่น รวมถึงเชื่อมโยงผู้คนผ่านพลังแห่งการเดินทาง
ขณะที่โควิด-19 ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ประการแรก (แม้กระทั่งก่อนเกิดโรคระบาด) คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อผลิตภัณฑ์เป็นการซื้อประสบการณ์ เราเห็นว่าการที่โรคระบาดดีขึ้นนั้น หลายคนมีเวลาไตร่ตรองและจัดลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่ การเดินทางอย่างมีจุดมุ่งหมายดูเหมือนจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งผู้คนกำลังมองหาประสบการณ์ที่ช่วยสร้างสังคมให้ดีขึ้นในขณะที่ใช้เวลากับครอบครัวอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นเพื่อตอบรับเทรนด์นี้ เราได้เปิดตัว Good Travel with Marriott Bonvoy ในปี 2564 โดยส่วนหนึ่งได้ร่วมมือกับ PARDICOLORโครงการศิลปะแนวสร้างสรรค์เพื่อสิ่งแวดล้อมโดย Wildlife Asia องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อตีความการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมด้วยมุมมองใหม่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
โดยจะมีโปรแกรมที่นำเสนอให้แขกที่เข้าพักได้มีส่วนร่วมและทำความรู้จักกับชุมชนท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อมในระหว่างการเข้าพัก ซึ่งขณะนี้ได้ขยายออกไปสู่โรงแรมเกือบ 100 แห่งทั่วทุกโรงแรมของแมริออท บอนวอย ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกและมีแผนขยายเพิ่มเติมในปี 2565 นี้
นอกจากนี้ เรายังเห็นการเดินทางที่กินระยะเวลายาวนานขึ้น และเป็นการการผสมผสานระหว่างการเดินทางเพื่อพักผ่อนและเพื่อธุรกิจ รวมถึงการปรับตัวของธุรกิจโรงแรมหลังโควิด สุขอนามัย ความสะอาด และความปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ทั้งนักท่องเที่ยวมีความต้องการในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มมากขึ้น โรงแรมหลายแห่งของเรามีระบบเช็คอินผ่านมือถือ ซึ่งคุณสามารถใช้แอป Marriott Bonvoy ในการเป็นกุญแจห้องได้ ใช้ QR โค้ด ดูเมนูที่ร้านอาหาร แชทบนมือถือเพื่อขอสิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการต่างๆ
สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยวหลังโควิด ผมมองว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังฟื้นตัวไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยการลดข้อจำกัดในการเดินทางและมีการเปิดประเทศเพิ่มมากขึ้น Work-ation หรือ Bleisure กลายมาเป็นเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากที่สนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งสามารถทำงานได้จากทุกที่
ส่วนสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมทั่วโลกและในไทยจะกลับมาเทียบเท่าก่อนเกิดโควิดในปีไหน เราอาจจะไม่สามารถให้ตัวเลขที่แน่ชัดได้ แต่ข่าวดีก็คือเราเห็นความต้องการเข้าพักอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่น่าพอใจ และไม่มีปัญหาการขาดคนเข้าพักเลย อีกทั้งเรามีความมั่นใจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยนั้นยังแข็งแกร่ง