สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แนะนำก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ต้องรับวัคซีนที่จำเป็นให้ครบก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงติดโรคระบาดหรือโรคประจำถิ่นและลดความเสี่ยงนำเชื้อต่างถิ่นกลับมา ที่สำคัญ เป็นการปฏิบัติตามกฎของบางประเทศที่กำหนดให้รับวัคซีนก่อนเดินทางเข้าประเทศ
เช่น วัคซีนโควิด19 ซึ่งปัจจุบันเป็นวัคซีนอีก 1 ชนิด ที่หลายประเทศกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องมีประวัติการได้รับวัคซีนมาก่อน โดยข้อกำหนดแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน
สำหรับ 3 กลุ่มวัคซีน ที่ผู้เดินทางต่างประเทศควรได้รับ ประกอบด้วย
1.วัคซีนที่ควรได้รับทุกราย (Routine Recommended Vaccine) ซึ่งเป็นวัคซีนตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข และคำแนะนำการให้วัคซีนในผู้ใหญ่ทั่วไป
ได้แก่ วัคซีนวัณโรค (BCG) วัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP) วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (HB) วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) วัคซีนโปลิโอ (OPV, IPV)
และวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE)
2.วัคซีนที่แนะนำให้รับก่อนเดินทาง เลือกใช้ตามความเสี่ยง (Routine Recommended Vaccine for Travelers)
โดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้เดินทางแต่ละคน ซึ่งแพทย์จะคอยให้คำปรึกษาและพิจารณาตามปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะสุขภาพของผู้เดินทาง ความเสี่ยงที่จะสัมผัสโรค ประสิทธิภาพของวัคซีน ข้อบ่งชี้/ข้อห้าม ผลข้างเคียงของวัคซีน
สำหรับตัวอย่างวัคซีนในกลุ่มนี้ เช่น วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ วัคซีนโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนโรคไข้ไทฟอยด์
3.วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับก่อนเข้าบางประเทศ
(Routine/Mandatory Vaccine) ซึ่งตามกฎอนามัยระหว่างประเทศกำหนดให้ฉีด "วัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง" และ "วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น" ก่อนเข้าบางประเทศ ด้วย 2 เหตุผล คือ
1.ป้องกันบุคคลที่จำเป็นต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้เหลือง
2.ป้องกันไม่ให้โรคไข้เหลืองแพร่ระบาดจากพื้นที่เสี่ยงเข้าไปในประเทศอื่น
ทั้งนี้ผู้เดินทางควรปรึกษาแพทย์อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ก่อนการเดินทางต่างประเทศ และควรตรวจสอบข้อกำหนดการรับวัคซีนของประเทศปลายทางด้วย