การเปิดประเทศของจีนที่อนุญาตให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้ เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 นี้ ส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย โดยก่อนโควิด-19 จีนเที่ยวไทยสูงถึง 11.2 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดกว่า 40 ล้านคน
ดังนั้นไทยก็ยังต้องง้อนักท่องเที่ยวจีนอยู่ ไม่งั้นการท่องเที่ยวไทยก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม เมื่อตอนนี้เป็นเวลาทองในการช่วงชิงนักท่องเที่ยวจีนกลับขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งการเปิดประเทศของจีน ถือว่าเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากถูกกดดันจากภาคธุรกิจของจีนเอง เนื่องจากการปิดประเทศของจีนโดยใช้นโยบาย Zero COVID มากว่า 3 ปี กระทบต่อภาคธุรกิจ ต่างๆ ในจีนอย่างมหาศาล
เพราะก่อนโควิดในปี 62 คนจีนเดินทางออกนอกประเทศกว่า 155 ล้านคนต่อปี เที่ยวในประเทศ 6.06 พันล้านคน-ครั้ง มีแรงงานในภาค ท่องเที่ยวที่เป็นแรงงานทางตรง 28.25 ล้านคน และแรงงานทางอ้อม 79.89 ล้านคน คิดเป็น 10.31% ของประชากร สัดส่วน GDP อยู่ที่ 11.05% มูลค่า 10.94 ล้านล้านหยวน การเปิดประเทศของจีนจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทันทีหลังจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ โดยออกประกาศยกเลิกการกักตัวการเดินทางเข้าจีน เหลือเพียงการตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง ในเวลา 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าจีน การเปิดให้จีนทำพาสปอร์ตและต่ออายุพาสปอร์ตเดินทางไปต่างประเทศได้ และอนุญาตให้คนจีนเดินทางโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวได้
ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการจีน ต่างเฮโลขายแพ็คเกจท่องเที่ยวออกนอกประเทศกันอย่างคึกคัก อาทิ ขายแพ็คเกจเที่ยวกรุงเทพฯ ภูเก็ต ราคาเริ่มตั้งแต่ 3,500 หยวน หรือ 1.6-1.7 หมื่นบาท โดยเฉพาะแพ็คเกจทัวร์เที่ยวไทยในช่วงตรุษจีนนี้
นอกจากนี้สายการบินต่างๆของจีนก็ยังหารือกับกรมการบิน พลเรือนที่จะขอให้กลับมาเปิดเที่ยวบินและจัดชาร์เตอร์ไฟล์ตกันอย่างคึกคัก ซึ่งเดสติเนชั่นที่คนจีนอยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือ ไทย ตามมาด้วย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
ความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวเข้าไทยมีแน่นอน เพราะอั้นและน่ามีแนวโน้มเข้าสู่พฤติกรรมเที่ยวล้างแค้น หลังถูกปิดประเทศมานาน แต่การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในปีนี้จะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย-จีน ว่าจะทยอยกลับคืนมาเหมือนเดิมได้เร็วแค่ไหน
รวมถึงความพร้อมของผู้ประกอบการไทย และสนามบินของไทยว่าจะมีศักยภาพในการรองรับการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจีนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็เชื่อว่าจะฟื้นธุรกิจกลับมาได้เร็ว เพราะมีการเรียกไกด์ เรียกรถกลับมาแล้ว
แต่ในแง่ของการรองรับภาคพื้นดินอาจจะมีปัญหา เพราะแต่ละสนามบินของไทยมีข้อจำกัดด้านของบุคคลากรที่ไม่เพียงพอ ที่ต้องรีบแก้ไข ล่าสุด สปริง แอร์ไลน์ ขอเปิดบินเข้าไทยทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.นี้ แต่บางสนามบินก็แจ้งว่ารองรับได้ 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดที่ต้องรีบแก้ไข
ทั้งจากสถานการณ์ในขณะนี้จะเห็นว่าการท่องเที่ยวไทยกำลังจะเป็นขาขึ้นสำหรับตลาดจีน หากเทียบกับประเทศคู่แข่งที่บางประเทศก็ออกมาตรการกีดกันการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้นในปี 2566 ททท.คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวจีน 5-6 ล้านคน หรือ 50% ของปี 62
โดยไตรมาสแรกของปีนี้จะเข้ามา 3 แสนคน และมีโอกาสลุ้นได้ถึง 9 ล้านคน ในกรณี Best Case จึงมีแนวโน้มว่าเป้าหมายการท่องเที่ยวของททท.ในปี 66 จะทะลุเป้า 20 ล้านคนแน่นอน
เพราะตัวเลขนี้ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีน เมื่อรวมจีนก็คาดว่าในปี 66 ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 25-26 ล้านคน และในกรณี BEST CASE ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงแตะ 30 ล้านคน จากเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวในภาพรวมไม่น้อยกว่า 2.38 ล้านล้านบาท
สำหรับแผนการทำตลาดนักท่องเที่ยวจีน นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า สำนักงานในจีน 5 แห่งของ ททท. จะเน้นการทำตลาดจีนใน 3 กลยุทธ์ ได้แก่
1. การเปิดตัวแคมเปญในสื่อทุกช่องทาง ที่สื่อถึงคำว่า ไทยจีนครอบครัวเดียวกัน
2. ททท.จะบูสต์ตลาด ผ่านผู้ประกอบการรายใหญ่ในจีน เช่น ซีทริป (Ctrip) และทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นการชำระเงินต่างๆ ในจีน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย อาทิ ยูเนียน เปย์, อาลี เปย์, วีแชท เปย์
3. ทำการไลฟ์สดสตรีมมิ่งเซลล์ครั้งใหญ่ซึ่งวันที่ 10 ม.ค.นี้ โดยดาราดังของจีน คือ หม่าเทียนหยู บินมาไทย และการดึงดาราดังๆ ที่มีชื่อเสียงของจีนที่มีผู้ติดตามไม่ตํ่ากว่า 10 ล้านคน มาโปรโมทท่องเที่ยวอย่างหม่าเทียนหยู มีผู้ติดตาม 32 ล้านคน และในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ททท.ได้ร่วมกับซีอีโอ ซีทริป แพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่สุดของจีนและโลก ไลฟ์สดขายประเทศไทยด้วยตัวเอง 1 ชม. คาดว่าจะขายได้ 6 หมื่นแพคเกจเป็นอย่างน้อย
4. การผลักดันการเชื่อมต่อเที่ยวบินเชื่อมโยงเมืองหลัก และเมืองรอง ระหว่างไทย-จีน และการสนับสนุนชาร์เตอร์ไฟล์ตเข้าไทย
5. การใช้ประโยชน์จากเส้นทาง R3-A ทางบกซึ่งสำนักงานคุนหมิง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำเอเย่นต์จากคุนหมิงมีพื้นที่ใกล้ชิดกับชายแดนของไทยมาสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดและพูดคุยพบปะผู้ประกอบการฝั่งอีสานเหนือ อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย เพื่อดีไซน์แพ็คเกจออกมา 3 ลักษณะ
ได้แก่ แพ็คเกจรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อภาคอีสานเหนือของไทย, ดีไซน์แพ็คเกจคาราวานทางรถยนต์ โดยสารเส้นทางโอเวอร์แลนด์ รูท R3A และคาราวานบิ๊กไบท์ จากเมืองทางใต้ของจีนทั้งหมด อาทิ กวางตุ้ง กว่างสี กุ้ยโจว หนิงเซีย คุนหมิง หยุนหนานจะเข้ามา และแพ็คเกจเรียลแอนด์ฟลาย นั่งรถไฟความเร็วสูงขึ้นมาและต่อเที่ยวบินมาเที่ยวทางทะเลได้
งานนี้จีนเปิดแล้ว ไทยต้องทำเต็มที่เพื่อจับตลาดให้ได้มากที่สุดนั่นเอง