หลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถสินค้า ระหว่างสถานีคลองแงะ-ปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.และระเบิดซ้ำ 6 ธ.ค. 2565 ทางจังหวัดได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยเส้นทางรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมานั้น
พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รองผอ.รมน.จังหวัดสงขลา (ทหาร) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้นมา ได้ใช้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ของทหารและตำรวจ เข้ามาดูแลตรวจสอบเส้นทางรถไฟ จากสถานีชุมทางรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
“มีการวางกำลังในพื้นที่ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะจากสถานีปาดังเบซาร์จนถึงสะเดา จะมีกำลังของฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ ในการวางกำลังตามตลอดเส้นทางในแต่ละตำบล หลังจากที่วางกำลังบล็อคเส้นทางไว้แล้ว ก็จะมีการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับทางฝ่ายปกครอง จะจัดชุดประจำเส้นทางตรวจตราภายในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการป้องปราบ”
ในขณะเดียวก็จะมีชุดของประชาชนสำรวจเส้นทางเป็นประจำทุกวัน ก่อนจะมีการเดินรถในแต่ละวัน โดยทางนายอำเภอสะเดา เป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการกำลังของฝ่ายตำรวจ ส่วนกำลังทหารเขาวางกำลังตรึงแนวชายแดน กับสนับสนุนเพื่อได้รับการร้องขอ กำลังหลักก็จะเป็นฝ่ายปกครองกับฝ่ายตำรวจ
“ก็มีการดูแลกันอย่างเต็มที่ โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประสานงานกับทางผม ผมก็ประสานกำลังในพื้นที่ 3 ฝ่าย ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจ และหน่วย ฉก.ร. 5 ส่วนในพื้นที่อำเภอสะเดา พื้นอำเภอหาดใหญ่ และอำเภอเมืองสงขลา ก็มีบูรณาการกำลัง มีการตั้งด่านแบบไม่เป็นเวลา มีกำลังทหารพรานมาเสริม”
นอกจากนี้ยังมีกำลังอีกส่วนหนึ่ง ที่ตำรวจเป็นคนควบคุมการใช้งาน ก็จะเสริมด้วยกำลังทหารร่วมกับตำรวจในการตรวจค้นบ้านเช่า หอพัก ดักตามเส้นทางรอง เพื่อดูมีการลักลอบเข้าเส้นทางอื่น โดยแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค ให้ดำเนินการไปเรื่อย ๆ เป็นวงรอบ
ส่วนการดูแลเส้นทางรถไฟจะทำกันเป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม โดยจะดำเนินการแบบนี้ทุกวัน ซึ่งคิดว่าเป็นมาตรการที่ดี และก็จะยังมีกำลังส่วนหนึ่งจรยุทธ์ เพื่อดูแลเสาไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ เทพา จะนะ ที่เป็นเสาส่งที่ส่งมาในหาดใหญ่