จากกรณีที่ นายดำรงค์ พิเดช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคโอกาสไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับส่วยบนเกาะเสม็ด หลังจากไปตรวจสอบพบว่า มีการเรียกเก็บเงินรายปีจากรถยนต์เช่า จำนวน 16,000 บาทต่อคันต่อปี รถจักรยานยนต์รับจ้างคันละ 1,600 บาทต่อคันต่อปี พร้อมสติ๊กเกอร์ 1 แผ่น ใครไม่จ่ายวิ่งไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการเรือโดยสารโอด ถูกขึ้นค่าธรรมเนียมเรือรายปี ถึง 3 เท่าตัว ทั้งที่เพิ่งฟื้นจากสถานการณ์โควิดมา บานปลายถึงการแฉถูกเรียกเก็บเงินค่าแบบอนุญาตก่อสร้าง10 % จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เวลานี้
วันที่ 18 ม.ค. 2566 นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายสาธิต ปิ่นกุล ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และ นายชาณุ เดชธัญญนนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่ีมีการเสนอข่าวพาดพิง ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งได้สร้างความเสียหายและเข้าใจผิดต่อหน่วยงาน โดยแบ่งเป็นประเด็นดังนี้
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า กรณีที่มีการประกาศเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมเรือโดยสารเข้าออกพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งเป็นความจริง ซึ่งต้องดำเนินการตามที่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 8 ส.ค. 2565 โดยทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังได้รับหนังสือจากสมาคมผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวบ้านเพ-เกาะเสม็ด ได้มีการส่งเรื่องไปยังกระทรวงเพื่อพิจารณาแล้ว
ประเด็นที่ 2 เรื่องเรียกเก็บเงินจากรถโดยสารบนเกาะเสม็ด เป็นไปตามกฎกระทรวงที่กำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต กำหนดเก็บค่าธรรมเนียม คันละ 2,000 บาทต่อปี ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า ทางอุทยานฯเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการ จากรถยนต์เช่า คันละ 16,000 บาท และ รถจยย.คันละ 660 บาท สำหรับเรื่องดังกล่าว ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว
ประเด็นที่ 3 เรื่องการเรียกเก็บค่าผ่านเข้าอุทยานฯ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มอีกคนละ 100 บาท นอกหนือจากค่าผ่านเข้าเกาะเสม็ด 200 บาท ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่กำหนดค่าบริการเป็นพิเศษ จึงไม่ใช่การเรียกเก็บเพื่อหาผลประโยชน์แต่อย่างใด
ประเด็นที่ 4 การเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากการก่อสร้างต่อเติมในพื้นที่อุทยานฯ โดยมีการเปิดเผยว่า มีการเรียกเก็บ จำนวน 10 เปอร์เซ็น จากงบประมาณการก่อสร้าง ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะการก่อสร้างต้องมีการยื่นแบบแปลนต่อกรมอุทยานฯ เพื่อตรวจสอบ ให้อยู่ในแบบแปลนที่กำหนดและในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย หากถูกต้องตามกำหนดก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว
ประเด็น 5 เกี่ยวกับเรื่องการจับกุมผู้ที่เข้าไปกวาดหญ้าริมถนน ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานฯ ที่กล่าวอ้างว่าถูกเรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการไม่จับกุม ซึ่งขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายก้องเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า เกี่ยวกับเรื่องที่ถูกพาดพิง กรณีที่ถูกกล่าวหาหรือข้อมูลร้องเรียนอื่น ๆ ที่มีรายละเอียดปรากฎตามสื่อต่าง ๆ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกัน เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะเร่งดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทางผู้ประกอบการหวั่นเกรงจะถูกกลั่นแกล้ง ขอให้มั่นใจ และ รับรองว่าจะไม่มีการกลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน สำหรับกลุ่มที่มีการร้องเรียน
ขณะที่ทางด้านผู้ประกอบการ ชี้ว่า การตั้งกรรมการตรวจสอบ ทั้งระดับพื้นที่และในส่วนกลาง ต้องการให้มีบุคคลจากนอกหน่วยงาน เข้าไปมีส่วนร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบด้วย เพราะหากเป็นสีเดียวกันตรวจสอบกันเอง แล้วจะเกิดความเป็นธรรมได้อย่างไร