ทายาทเจ้าสัวเจริญ เปิด DISNEY 100 VILLAGE ชูตึก 100 ชั้น สีสันใหม่ "เอเชียทีค"

15 ก.พ. 2566 | 12:13 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.พ. 2566 | 01:58 น.

ทายาทเจ้าสัวเจริญ ดัน AWC เปิด DISNEY 100 VILLAGE - อีเว้นท์พรึบ สร้างสีสันใหม่ "เอเชียทีค" ทุ่ม 800 ล้านบาท สร้างประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” ปั้นไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำใหญ่ที่สุดในไทย เริ่ม 24 มี.ค.นี้ จ่อสร้างตึกสูง 100 ชั้นสร้างแลนด์มาร์คใหม่ท่องเที่ยว

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC  ฉลอง เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ครบรอบ 10 ปี ลงทุนกว่า 800 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” โดยจะพัฒนา “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น” ให้เป็นรีเทล-เทนเม้นท์ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด 

รวมที่สุดของทุกประสบการณ์การท่องเที่ยวที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งวันเช้าจรดค่ำ อาทิ ความสนุก ความบันเทิงในธีมต่างๆ ที่หลากหลายที่สุดในกรุงเทพฯ ศูนย์รวมร้านอาหารหลากหลายเป็นแนวยาวที่สุดริมแม่น้ำ และแหล่งไลฟ์สไตล์แฮงค์เอ้าท์สุดคูลแห่งใหม่ 

เอเชียทีค

ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน เพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกเจเนอเรชั่นในที่เดียว พร้อมส่งเสริมให้ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น” เป็นแลนด์มาร์คทางการท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่น่าประทับใจที่สุดในประเทศไทย 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์

วัลลภา ไตรโสรัส

ทั้งการเป็น Living Museum ที่มีประวัติศาสตร์น่าค้นหา และเป็นจุดหมายแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ผสมผสานกับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในบรรยากาศริมแม่น้ำตลอด 10 ปีที่ผ่านมา 

วันนี้ AWC พร้อมเดินหน้าพัฒนาให้ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น เป็นที่สุดของจุดหมายการท่องเที่ยวแลนด์มาร์คริมแม่น้ำเจ้าพระยา

อันจะเต็มไปด้วยความสุขในทุกๆ วัน สำหรับทุกคนด้วยประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” เพื่อร่วมสนับสนุนการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ และประเทศไทยให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศตามปรัชญา ‘สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า’ ของ AWC

ภายใต้แนวคิด “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” AWC จะลงทุนมากกว่า 800 ล้านบาท เนรมิตแลนด์มาร์คทางการท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์ริมน้ำระดับโลก ยกระดับสู่แหล่งท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์และศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคน พร้อมขยายเวลาเปิด-ปิด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในทุกวันทุกเวลาอย่างไม่มีวันหลับไหล 

เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น

อีกทั้งยังเป็น “รีเทล-เทนเม้นท์ ที่ผสมผสาน” Living Museum & Art Festival แหล่งเรียนรู้ทางศิลปะวัฒนธรรมในรูปแบบสร้างสรรค์ พร้อมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่ที่ตั้งของเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวอันทรงคุณค่าที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และทุกคนในครอบครัว ผ่านการสร้างสรรค์ 3 ประสบการณ์สำคัญ คือ

 

  • FESTIVAL VILLAGE

ไฮไลท์แลนด์มาร์คและงานแสดงระดับสากลที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ อาทิ Asiatique Sky ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยความสูง 60 เมตร Merry-Go-Round ม้าหมุนแสนสนุก Mystery Mansion บ้านผีสิง และการแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างคาลิปโซ่ที่สร้างความสุขให้กับทุกคนมาแล้ว 

  • DISNEY100 VILLAGE

สัมผัสประสบการณ์งานแสดงพิเศษ (Special Pop-Up Event) เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ดิสนีย์ เพื่อให้ทุกคนและแฟนคลับดิสนีย์ในประเทศไทยชื่นชม ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมถึง 31 กรกฏาคม 2566 นี้ โดยจะมีโซนงานแสดงหลากหลายธีมให้ทุกคนได้สัมผัสกับเรื่องราวเหนือกาลเวลากว่า 100 ปี และตัวละครอันโด่งดังจากทั้ง Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars โดยสามารถซื้อบัตรผ่านไทยทิคเก็ตเมเจอร์ได้เร็วๆ นี้ และติดตามข่าวสารเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่

DISNEY100 VILLAGE

  •  LARGEST FOOD AND BEVERAGE SELECTION

สร้างแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยจากทั่วกรุงเทพ ไปจนถึงอาหารสตรีทฟู้ดจากทั่วทุกภาคมารวมกันที่โกดัง 1 และ 2 และยังมี  Big C ห้างค้าปลีกที่ครบครันด้วยสินค้ามากมายมาร่วมสร้างสีสันในพื้นที่ โดยจะรวบรวมขนมและของฝากยอดฮิตสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมาไว้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมมาตรฐานโรงแรมชั้นนำระดับโลก

เช่น เรือสิริมหรรณพ และห้องอาหารเดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้นักชิมได้เลือกสรร ชูจุดเด่นของร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เรียงรายตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบนพื้นที่ยาวกว่า 300 เมตร ซึ่งเป็นทางเดินริมฝั่งแม่น้ำที่ยาวที่สุดในกรุงเทพฯ สร้างสุนทรียภาพทางการรับประทานอาหารกับทัศนียภาพของคุ้งน้ำเจ้าพระยาที่งดงาม 

  • LIFESTYLE MARKET

แหล่งไลฟ์สไตล์สุดคูลน่าแฮงค์เอ้าท์แห่งใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัวที่พร้อมต้อนรับทุกการพบปะสังสรรค์ ด้วยการร่วมมือกับบริษัท Mad Face และ Made by Legacy จัด “Lifestyle Market” ที่จะเป็น Community ของกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง กลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านและสวน และกลุ่มที่ชอบของวินเทจ 

โดยกิจกรรมสุดสร้างสรรค์จะผันเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ ทั้งงานดนตรี ช้อปปิ้ง ศิลปะ สินค้าวินเทจ รวมถึงสุขภาพและอาหารตลอดปี เพื่อให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกเจเนอเรชั่นในที่เดียว 

ทั้งนี้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ยังได้ริเริ่มกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมความยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ การร่วมมือกับบริษัท Miniwiz ติดตั้งเครื่อง Trashpresso ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ โดยเครื่องนี้จะรีไซเคิลขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่คูลๆ มีมูลค่าเพิ่ม และสามารถใช้ประโยชน์ได้ 

โดยลูกค้าสามารถมาสนุกและได้ความรู้เรื่องรีไซเคิลไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ที่ Heritage Lounge ในเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมการสร้างทักษะการเรียนรู้เรื่องศิลปะวัฒนธรรม รวมทั้งภูมิปัญญาของชุมชนต่างๆ ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป

การสร้างประสบการณ์ All Day Everyday Happiness ของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในครั้งนี้ ยังรวมถึงการออกแบบพื้นที่ให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่งจากแม่น้ำ ควบคู่กับความร่มรื่นในโครงการเสมือนเดินเล่นอยู่ท่ามกลางสวนอันเขียวชอุ่ม 

รายล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด (RETAIL-TAINMENT IN THE PARK) เพื่อให้ความสุขของทุกคนในครอบครัวหลอมรวมกันในที่เดียวภายใต้บรรยากาศที่ร่มรื่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา และทำให้เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก

  • เอเชียทีค เฟส 2 ขึ้นตึกสูง 100 ชั้น

นางวัลลภา ยังกล่าวต่อถึงแผนขยายโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในเฟส 2 , 3 และ 4 ว่า แปลงที่ดินฝั่งขวา จะพัฒนาเมกะโปรเจคแบบมิกซ์ยูส สร้างตึกสูงระฟ้า 100 ชั้น ขนาดสูงที่สุดในประเทศไทย ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ขณะนี้ทาง Adrian Smith + Gordon Gill Architecture (AS+GG) บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติจากสหรัฐ ซึ่งเชี่ยวชาญในการออกแบบอาคารสูงระดับโลก 

เช่น เบิร์จคาลิฟา นครดูไบ อยู่ระหว่างออกแบบตึกให้สามารถใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) จากลมได้ด้วยเพื่อรองรับเทรนด์ความยั่งยืน สร้างคุณค่าระยะยาว ส่วนภาพรวมดีไซน์ได้ปรับแบบจนได้คาแรกเตอร์ที่มีส่วนผสมของความเป็นไทย

ตามแผนลงทุนเฟส 2 ทั้งบนแปลงที่ดินฝั่งซ้ายและฝั่งขวา บริษัทต้องพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดภายใน 10 ปีข้างหน้า

สำหรับโครงการมิกซ์ยูสตึกสูงระฟ้า แรกเริ่มเราไม่ได้คิดว่าจะต้องสร้างให้เป็นตึกสูงที่สุดของประเทศไทย เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจมีคนมาสร้างตึกสูงกว่าของเรา จึงอยากเน้นสร้างให้เป็นแลนด์มาร์กหรือไฮไลต์ด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามและมองถึงคุณค่าของตัวโมเดลธุรกิจระยะยาวมากกว่า

เอเชียทีค เฟส 2

แต่ล่าสุดได้เช็กฮวงจุ้ยแล้ว ตึกสูง 100 ชั้นจะช่วยเสริมพลังแก่กรุงเทพฯ เมื่อต้องสร้างตึกสูง 100 ชั้น ทาง AWC ก็พร้อมสู้”

ด้านโครงการเอเชียทีค เฟส 3 บนเนื้อที่ 28 ไร่ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนเจริญกรุง มีแนวคิดพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบองค์รวม อาจพัฒนาแล้วเสร็จในช่วงทศวรรษที่ 3 ของเอเชียทีค

ส่วนโครงการเอเชียทีค เฟส 4 บนเนื้อที่อีก 29 ไร่บนถนนเจริญนคร ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ยังต้องรอการขยายของโครงสร้างพื้นฐานก่อน ถึงจะกลับมาพิจารณาลงทุนอีกครั้ง นางวัลลภา กล่าวทิ้งท้าย